ตลาดรถยนต์มาถึงยุคที่มีความหลากหลาย แตกแขนงโมเดลต่างๆกันมากขึ้น เพราะความต้องการของผู้คนแต่ละคนไม่เท่ากัน รถหนึ่งคันใช่ว่าจะครบทุกความต้องการ หรือความต้องการของคนในครอบครัวก็ต่างกัน เมื่อไหร่ที่สมาชิกในครอบครัวมีกำลังซื้อ ก็ต้องการรถยนต์ที่ตัวเองชอบ และหลงรัก มาเป็นพาหนะคู่ใจ ไปไหนไปกัน ประกาศบอกใครๆได้ว่า “นี่แหละ..รถของฉัน”
[taq_review]
Mazda CX-3 ใหม่ เข้ามาทำตลาดในกลุ่มรถยนต์ครอสโอเวอร์ (Crossover) หรือ Mini SUV ตอบรับกระแสเรียกร้องของมวลมหาประชาชนในยุคนี้ ที่ต้องการรถยนต์ที่มีความแตกต่างอย่างมีสไตล์ ดูจากการวางราคา นั่นก็ ถือว่า ฟัดกับคู่แข่งอย่าง Honda HR-V อย่างปฏิเสธมิได้
Mazda CX-3 ใช้พื้นฐานของ Mazda 2 มาพัฒนา โดยในด้านการออกแบบ ยังคงเจริญรอยตามรุ่นพี่ด้วยแนวคิดโคโดะดีไซน์ (KODO Design) และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ (Skyactiv Technology)
ด้านหน้าของ Mazda CX-3 ยังคงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของรถยนต์มาสด้าในยุคนี้ กระจังหน้า 5 เหลี่ยมขนาดใหญ่ ตัดขอบด้วยโครเมี่ยมลากยาวไปถึงโคมไฟหน้า ที่ออกแบบให้มีความกระชับ คม ติดตั้งไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์เลนส์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL ไฟเลี้ยวอยู่ด้านล่างตำแหน่งเหนือไฟตัดหมอกขนาดเล็กไม่เหมือนใคร ล่างสุดเป็นแถบกันรอยกันกระแทกสีดำ เอาสีขาวมาให้ดูจะได้เห็นจุดต่างๆชัดเจนครับ
เส้นสายด้านข้างตัวรถ มีความปราดเปรียว โค้งทะแยงเข้าหากันจากด้านหน้า และด้านท้าย ดูมีมิติ กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยว นอกจากนี้ รอบคัน ยังมาพร้อมชุดกันกระแทกและซุ้มล้อสีดำด้านตามแบบฉบับรถยนต์ครอสโอเวอร์ ให้ความรู้สึกสมบุกสมบัน พร้อมล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว ทูโทนลายสปอร์ต เท่ห์มากๆ ครับ
ท้ายรถสวยงามมีทั้งความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และทะมัดทะแมงอยู่ในการออกแบบ บนสุดติดตั้งเสาอากาศแบบครีบฉลาม ไล่ลงมาเป็นสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 กระจกบานหลังขนาดไม่กว้างมากนักพร้อมไล่ฝ้า ไฟท้ายรูปทรงใกล้เคียงกับมาสด้า 2 มากครับ แต่ไม่เหมือนกันครับ ของซีเอ็กซ์-3 จะดูคม ดูเฉียบมากกว่าครับ แต่ที่เทห์สุดๆ ก็ท่อไอเสียคู่ที่ให้มาจากโรงงานนี่แหละครับ ดูสปอร์ตขึ้นอีกเยอะเลย
เนื้องานวัสดุต่างๆ ทำออกมาได้ดี ตรงนี้ความคิดของผมเอง บอกได้เลยว่า ดีกว่ารถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน หรือดีกว่ารถยนต์ในท้องตลาดอีกหลายๆรุ่นด้วยซ้ำ งานดีปราณีต
ภายในของ Mazda CX-3 ยังคงถอดแบบงานออกแบบมาจาก Mazda 2 ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางอุปกรณ์ แม้แต่ช่องแอร์ ก็ยังเหมือนกัน ช่องแอร์คู่กลาง ฝั่งหนึ่งเป็นแนวนอน อีกฝั่งหนึ่งเป็นทรงกลม โดยภายในเน้นโทนสีดำเช่นเคย ถือว่าเป็นเรื่องปกติของค่ายมาสด้าไปแล้ว เพราะสีดำถือเป็นสีที่แสดงถึงความดุดัน เข้ากับรถยนต์ที่มีการออกแบบภายนอกแบบสปอร์ต
เนื้องานวัสดุต่างๆ ต้องบอกว่าทำออกมาได้ดี ตรงนี้ความคิดของผมเองบอกได้เลยว่า ดีกว่ารถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน หรือดีกว่ารถยนต์ในท้องตลาดอีกหลายๆรุ่นด้วยซ้ำ งานดีปราณีต ว่าแล้ว ผมไล่เรียงเรื่องของอุปกรณ์ภายในให้ได้ทราบกันเลยดีกว่าครับ
เริ่มที่แผงแดชบอร์ดทรงเดียวกับมาสด้า 2 ซึ่งพิเศษตรงที่มีการใช้หนังบุนุ่มบริเวณแนวยาวด้านล่างของช่องแอร์ และเดินด้ายจริงมาให้ แล้วก็นุ่มจริงๆด้วยนะครับ
ซีเอ็กซ์-3 ยังคงมาพร้อมกับ ระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต MZD CONNECT พร้อมจอ Center Display ทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว แสดงเมนูสั่งงานของระบบ MZD CONNECT และเรียกดูข้อมูลผ่านระบบสั่งการด้วยเสียง Voice Recognition
พวงมาลัยหุ้มหนังมัลติฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียง และยกเลิก-รับสายโทรศัพท์ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีระบบครุยซ์คอนโทรลมาให้ แหม่.. ก็ในซีดานอย่าง Mazda 3 ก็ยังไม่มีมานี่ครับ
ปุ่มหมุน Center Commander ที่คอนโซลกลาง ใช้ควบคุม MZD CONNECT เพียงหมุนหาคำสั่งที่ปรากฎขึ้นบนจอ Center Display ใช้งานง่ายสไตล์รถยนต์ยุโรป ซึ่งมีอยู่ใน Mazda 3 และ Mazda 2
เบาะหนังสีดำเดินด้าย เพิ่มความสปอร์ตพรีเมียมแบบรถแข่งด้วยการเติมผ้าอาคันทาร่า ผิวสัมผัสนุ่มมือ นั่งสบาย ขับเดินทางไกลไม่เมื่อยล้า รองรับแผ่นหลังได้ดี แผงประตูด้านข้างก็ยังบุหนังนุ่มสีแดง ที่เปิดประตูเป็นโครเมี่ยม รายละเอียดตรงนี้ ทำให้ Mazda CX-3 ดูดีขึ้นมาเยอะเมื่อเทียบกับเงินที่ต้องจ่ายไป ดูใส่ใจในรายละเอียด ในการเลือกใช้วัสดุ ใครที่ชอบ รูปทรงของ Mazda CX-3 จากภายนอกแล้ว ยิ่งมาเห็นเนื้องานภายใน ก็น่าจะยิ่งหลงรักมากขึ้นครับ
เชื่อว่าหลายท่านก็คงจะสงสัยครับว่า CX-3 ใช้พื้นฐานร่วมกับ Mazda 2 แล้วที่นั่งแถวหลังจะแคบแบบ Mazda 2 หรือไม่ ตอบได้แบบนี้ครับว่า ไม่ได้รู้สึกกว้างขวางมากมายเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะโทนสีดำที่ใช้ภายในห้องโดยสารด้วย แต่ผมรู้สึกได้เลยว่า โปร่งกว่าตอนหลังของ Mazda 2 ลองนั่งแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกเลวร้ายอย่างที่ใครๆหลายคนคิด
แล้วถ้าจะพูดกันจริงๆกับการคาดหวังความสบายจากเบาะนั่งแถวสองของรถยนต์กลุ่มนี้ ว่ากันตรงๆ ไม่มีรุ่นใดสบายหรอกครับ ทางไกล ยังไงต้องมีจอด อ๋อ แต่ถ้าจะเอานั่งสบายที่สุดในกลุ่มละก็ ผมว่า เบาะแถวสองของ Ford Ecosport น่าจะเป็นคำตอบ
พื้นที่วางขามีพอประมาณครับ ไม่แคบเกินไปนักสำหรับรถไซส์มินิแบบนี้ ถ้าจะต้องเดินทางไปไหนมาไหนไกลๆ ผมว่าขับไป สัก 120-150 กิโลเมตร แล้วแว๊ะพักให้เพื่อนฝูงที่นั่งแถวหลังได้ยืดเส้นยืดสายกันหน่อย ก็คงจะไม่เป็นปัญหาในการเดินทางไกลครับ แต่หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ผมก็ถ่ายรูปพี่พรหมมินทร์ขณะนั่งตอบคำถามจากแฟนเพจเฟซบุ๊คมาให้ดูเพื่อจะได้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น หุ่นพี่พรหมมินทร์ก็ 180 เซนติเมตร หัวไม่ติดชิดเพดาน ยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้างได้ครับ แต่ที่ผมชอบจริงๆ ก็ผิวสัมผัสอาคันทาร่า ที่มีในที่นั่งตอนหลังด้วย นั่งไปก็ลูบไป เนียนมือดีจริงๆ
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย มีไม่มากนัก ไม่ลึกอีกด้วย ซึ่งก็เป็นข้อจำกัดของรถทรงท้ายตัดแบบนี้อยู่แล้ว พื้นที่พอให้วางกระเป๋าลากเดินทางได้ 1 ใบ ใหญ่ๆ มีโช้คค้ำ ทั้งสองข้าง พร้อมฝาปิดสัมภาระที่คล้องด้วยเชือก
จุดเด่นของ Mazda CX-3 นอกจากการออกแบบ แต่อีกหนึ่งจุดขายก็คือเรื่องของเครื่องยนต์ ที่นำเครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 ลิตร มาตลาด เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วถือว่า เป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่ม Mini SUV ตรงนี้ถือว่าได้เปรียบคู่แข่งในตลาด
แม้ว่า จะเป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดความจุเท่ากันกับ มาสด้า 3 แต่มีการปรับจูนพละกำลังในการใช้งานให้แตกต่างกัน โดยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ของ CX-3 ให้พละกำลัง ที่ 156 แรงม้า แรงบิด 204 นิวตันเมตร ต่อวินาที รอบรับชนิดเชื้อเพลิงตั้งแต่ น้ำมันเบนซิน 95 / แก๊สโซฮอล์ 95 ,E10, E20 และ E85
ระบบส่งกำลัง Skyactive Drive 6 สปีด พร้อม Active Mode ที่ให้คุณได้เปลี่ยนเกียร์ได้เองตามต้องการ
สำหรับสมรรถนะในการขับขี่ของ Mazda CX-3 ที่ผมมีโอกาสได้ไปขับในเส้นทางเชียงใหม่-ดอยสุเทพ ได้ลองทั้งในเมือง และนอกเมืองที่สามารถใช้ความเร็วได้พอประมาณ และเส้นทางขึ้นเนิน หรือทางโค้งต่างๆ ถือว่าทำได้เยี่ยม ความคล่องตัวสำหรับรถกลุ่มนี้ ก็คงจะไม่ได้บรรยายกันมาก เพราะสบายๆครับ พวงมาลัยคมตามแบบฉบับของรถยนต์แบรนด์มาสด้า คมกระชับสุดในกลุ่ม แต่ไม่คมเท่ากับ Mazda 3 ตัวรถที่สูงขึ้นกว่า Mazda 2 ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีกว่า
การขับขี่ในที่ชุมชน หรือต้องติดไฟแดง ก็มีระบบ i-Stop (Idling Stop System) ที่จะหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ ในขณะที่รถจอดหยุดนิ่ง แต่ถ้าใครรำคาญระบบนี้ละก็ สามารถปิดระบบนี้ได้นะครับ
เครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว พร้อมเรียกกำลังออกมาใช้งานได้ทันที เมื่อต้องการ การได้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร มาวางในรถที่มีขนาดกระทัดรัดแบบนี้ ช่วยให้การขับขี่ มีความคล่องตัว กระฉับกระเฉงมากๆ ครับ ไม่ต้องกลัวเลยครับว่าจะเร่งแซงไม่ทันใจ ไปไม่ทันเพื่อน
ในย่านความเร็วสูง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถยังให้ความมั่นใจได้ดี ช่วงล่างที่ไว้ใจได้ในยามเข้าโค้ง อาจจะมีโยนตัวบ้างเล็กน้อย เพราะรถสูงขึ้น แต่ก็น้อยมากเมื่อเทียบกับรถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน ผมให้ดีที่สุดในกลุ่มไปเลยแล้วกันครับ สิ่งที่ได้มาเพิ่มเติมมากกว่า มาสด้า 2 คือความนุมนวลที่ซับแรงได้ดีกว่า
Mazda CX-3 ยังมีสวิตซ์ Drive Selection สามารถเลือกขับขี่ในโหมด Sport ได้ เมื่อต้องการเรียกกำลังเครื่องยนต์ออกมาใช้ให้ทนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีเฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
การเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ทำได้ดีมากๆครับ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ครางเข้ามาเวลาเร่งแซง ซึ่งก็ทำให้ได้อารมณ์ในการขับขี่ที่สนุกสนานมากยิ่งขึ้น
ระบบความปลอดภัยต่างๆ Mazda CX-3 ก็มีให้ครบมาก ไล่เรียงกันดังนี้ครับ
ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนที่กระจกมองข้างเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน โดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กำลังแซงขึ้นมาจากทางด้านหลัง และอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น
RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบจะส่งสัญญาณเตือนขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้านหลัง
ที่เหลือก็มาตามยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็น
กล้องมองหลังขณะถอยจอด
ESS (Emergency Signal System): ระบบสัญญาณไฟกระพริบเมื่อเบรกในภาวะฉุกเฉิน เพื่อส่งสัญญาณเตือนรถคันหลัง
ABS,EBD ช่วยกระจายแรงเบรก
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual Airbag
DSC (Dynamic Stability Control): ช่วยควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ
HLA (Hill Launch Assist): ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน
TCS (Traction Control System): ระบบช่วยป้องกันรถลื่นไถล
สรุปภาพรวมของ Mazda CX-3 จัดว่าเป็นรถยนต์ที่มีภาพลักษณ์ทันสมัย เด่นในด้านสมรรถนะการขับขี่เพราะได้ขุมพลังเครื่องยนขนาด 2.0 ลิตร มาประจำการณ์ ช่วงล่างดีที่สุดในกลุ่ม อุปกรณ์ระบบความปลอดภัยครบครันเกินหน้าคู่แข่ง งานวัสดุมีคุณภาพ ใส่ใจในรายละเอียด มองเห็นความพรีเมี่ยม หรือมอบคุณค่าให้กับผู้เป็นเจ้าของได้ดี
ข้อเสียก็คงจะอยู่ที่ความกระทัดรัด อันเป็นบุคลิกของรถ Mazda CX-3 พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีจำกัด
ภาพรวมดูเหมาะกับหนุ่มสาววัยทำงาน หรือคนที่ชอบงานออกแบบที่สะดุดตา ใช้รถคนเดียวเป็นหลัก รักการเดินทาง มีงานอดิเรก มีสไตล์ และให้ความสำคัญกับตัวเองค่อนข้างสูง
เรื่องอัตราสิ้นเปลื่องเชื้อเพลิง จากนี้ก็คงจะไม่พูดแล้วครับ เพราะ Eco Sticker ออกมาแล้ว คอนเฟิร์มว่าเชื่อถือได้แน่นอน มาตรฐานเดียวกัน ไม่ต้องมโน โอเวอร์แอคติ้งกันอีกต่อไปครับ ทั้งหมด คือ Mazda CX-3 ในมุมมองของ driveautoblog.com ครับผม