บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับราคารถยนต์ เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งปรับเปลี่ยนจากเดิมที่จัดเก็บภาษีตามปริมาตรกระบอกสูบและประเภทของรถยนต์ มาเป็นตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2559เป็นต้นไป
โดยการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งทิศทางสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้เติบโตในระยะยาวทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญ ที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อรถยนต์ฮอนด้าบางรุ่น แต่อย่างไรก็ตาม ทางฮอนด้าได้พยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อยู่ในเกณฑ์ของโครงสร้างภาษีใหม่ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาหรือกระทบน้อยที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับพันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของฮอนด้า Blue Skies for Our Children หรือ ท้องฟ้าที่สดใสเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป โดยฮอนด้าได้มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจน การค้นหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เสมอมา”
ปัจจุบันฮอนด้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์เพียงรายเดียวที่ได้รับเครื่องหมายฉลากเขียว เพื่อรับรองว่ายนตรกรรม ของฮอนด้าที่ผลิตในประเทศทุกรุ่น ได้ผ่านข้อกำหนดการเป็นยนตรกรรมสีเขียว ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ กระบวนการผลิต การใช้ การทิ้งทำลาย ตลอดจนการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา รถยนต์ฮอนด้าใหม่ทุกรุ่น ทุกคัน ได้เริ่มติดป้ายอีโคสติกเกอร์ (ECO Sticker)เพื่อแสดงข้อมูลสำคัญของผลิตภัณฑ์ในมาตรฐานเดียวกัน เช่น ข้อมูลแสดงการประหยัดพลังงาน และปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รวมถึงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและมาตรฐาน ความปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่
โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ มีผลต่อการปรับเปลี่ยนราคารถยนต์ฮอนด้ารุ่นต่างๆ ที่ออกจากโรงงานผลิตตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ดังนี้
หมายเหตุ: ราคานี้ ยังไม่รวมราคาของสีพิเศษ
สำหรับรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค, ฮอนด้า แอคคอร์ด, ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด และฮอนด้า โมบิลิโอ จะมีการปรับราคาซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ ในช่วงต้นปี 2559 เป็นต้นไป