วันอังคาร, ธันวาคม 3, 2024
ข่าว

ปอร์เช่เผยโฉม “911 Turbo – 911 Turbo S” ในงาน North American International Auto Show เมืองดีทรอยต์

ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (911 Turbo) และ ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) เผยโฉมที่งาน “North American International Auto Show” เมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในรุ่น 911 เทอร์โบ ว่างเครื่องยนต์ 6 สูบนอน เทอร์โบคู่ ขนาด 3.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 540 แรงม้า สำหรับ 911 เทอร์โบ เอส ให้กำลังสูงสุดถึง 580 แรงม้า

911 Turbo and 911 Turbo S re (1)

ปอร์เช่เปิดศักราชใหม่ก้าวเข้าสู่ปี 2016 ด้วยยนตกรรมสปอร์ตที่ในงาน North American International Auto Show เมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งรถยนต์ 911 เทอร์โบ (911 Turbo) และ ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) ที่มากับพละกำลังที่เพิ่มขึ้นกว่า 20 แรงม้า (15 กิโลวัตต์) งานออกแบบที่สง่างามยิ่งขึ้น รวมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ได้รับการพัฒนาใหม่ รองรับทุกรสนิยมความต้องการของผู้ขับขี่ทั้งรุ่นคูเป้และรุ่นเปิดประทุน พละกำลังใหม่เครื่องยนต์ 6 สูบนอน เทอร์โบคู่ ขนาดความจุ 3.8 ลิตร ในรุ่น 911 เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 540 แรงม้า (397 กิโลวัตต์) ด้วยการปรับแต่งกระบวนการประจุไอดีของชุดฝาสูบ หัวฉีดเชื้อเพลิงใหม่ที่ให้แรงดันได้สูงยิ่งขึ้น สำหรับ 911 เทอร์โบ เอส ให้กำลังสูงสุดถึง 580 แรงม้า (427 กิโลวัตต์) ผลจากการทำงานอันเปี่ยมประสิทธิภาพของชุดเทอร์โบใหม่ที่ได้รับการขยายขนาดชุดอัดอากาศ จากประสบการณ์และความชำนาญด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์สมรรถนะสูง ปอร์เช่คือหนึ่งเดียวในวงการยานยนต์ที่ใช้ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จแบบแปรผัน (variable turbine geometry) ในเครื่องยนต์เบนซิน

เครื่องยนต์ใหม่มาพร้อมฟังก์ชั่นการทำงาน dynamic boost เพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองการขับขี่สไตล์สปอร์ตเต็มรูปแบบ ด้วยการรักษาแรงดันอากาศให้คงที่ รองรับทุกลักษณะการใช้งานอันหลากหลาย เช่น  ในขณะที่ผู้ขับขี่ยกคันเร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงชั่วขณะ ระบบเครื่องยนต์จะตัดการจ่ายน้ำมันจากหัวฉีดเชื้อเพลิงเท่านั้น โดยที่ลิ้นปีกผีเสื้อยังคงอยู่ในตำแหน่งเปิด การทำงานดังกล่าวจะช่วยให้เครื่องยนต์ยังคงมีอัตราการตอบสนองที่รวดเร็วในทันทีที่ผู้ขับขี่เหยียบคันเร่งต่อไป ประสิทธิภาพของ dynamic boost จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่ในรูปแบบ Sport และ Sport Plus

911 Turbo and 911 Turbo S re (6)

ควบคู่ไปกับสมรรถนะการทำงานและประสิทธิภาพโดยรวมที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ระบบเครื่องยนต์ของปอร์เช่ยังให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความประหยัดมากกว่าเดิม  รถยนต์ปอร์เช่  911 เทอร์โบ เอส รุ่นคูเป้ มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 2.9 วินาทีเท่านั้น สามารถไต่ระดับความเร็วสูงสุดถึง 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับ 911 เทอร์โบ ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.0 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  มากกว่ารุ่นเดิม 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่เพียงเท่านั้นในรุ่นคูเป้มีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 10.99 กิโลเมตรต่อลิตร (9.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร) และในรุ่นเปิดประทุนอยู่ที่ 10.75 กิโลเมตรต่อลิตร (9.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร)  ประหยัดเชื้อเพลิงกว่า 0.6 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตรเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม เป็นผลจากระบบควบคุมเครื่องยนต์และเกียร์ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่

911 เทอร์โบ: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.98 กิโลเมตรต่อลิตร (9.1 ลิตรต่อกิโลเมตร), อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 8.47 กิโลเมตรต่อลิตร (11.8 ลิตรต่อกิโลเมตร), สำหรับการขับขี่นอกเมือง 13.33 กิโลเมตรต่อลิตร (7.5 ลิตรต่อกิโลเมตร) ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 212 กรัมต่อกิโลเมตร

911 เทอร์โบ คาบริโอเลต: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.75 กิโลเมตรต่อลิตร, (9.3 ลิตรต่อกิโลเมตร), อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 8.26 กิโลเมตรต่อลิตร, (12.1 ลิตรต่อกิโลเมตร) สำหรับการขับขี่นอกเมือง 13.15 กิโลเมตรต่อลิตร (7.6 ลิตรต่อกิโลเมตร) ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 216 กรัมต่อกิโลเมตร

911 เทอร์โบ เอส: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.98 กิโลเมตรต่อลิตร, (9.1 ลิตรต่อกิโลเมตร) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 8.47 กิโลเมตรต่อลิตร, (12.1 ลิตรต่อกิโลเมตร) สำหรับการขับขี่นอกเมือง 13.33 กิโลเมตรต่อลิตร (7.6 ลิตรต่อกิโลเมตร) ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 212 กรัมต่อกิโลเมตร

911 เทอร์โบ เอส คาบริโอเลต: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.75 กิโลเมตรต่อลิตร, (9.3 ลิตรต่อกิโลเมตร) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 8.26 กิโลเมตรต่อลิตร, (12.1 ลิตรต่อกิโลเมตร) สำหรับการขับขี่นอกเมือง 13.15 กิโลเมตรต่อลิตร (7.6 ลิตรต่อกิโลเมตร) ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 216 กรัมต่อกิโลเมตร

911 Turbo and 911 Turbo S re (5)

พวงมาลัยสปอร์ต GT ใหม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถสปอร์ตไฮบริด 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตร  พร้อมสวิทช์เลือกรูปแบบการขับขี่ติดตั้งบนพวงมาลัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และโรตารี่สวิทช์ 4ตำแหน่งใช้สำหรับเลือกลักษณะการขับขี่ได้ตามต้องการ ประกอบด้วยโหมดการขับขี่แบบ Normal, Sport, Sport Plus และ Individual ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับแต่งค่าการทำงานต่างๆ ของตัวรถได้ตามต้องการและบันทึกค่าดังกล่าวไว้เป็นสไตล์การขับขี่เฉพาะตัว เหนือกว่าด้วยอุปกรณ์เพิ่มเติมจากชุดแต่ง สปอร์ต โครโน (Sport Chrono Package) สวิทช์ตั้งการทำงาน Sport Response ติดตั้งบริเวณกึ่งกลางของโรตารี่สวิทช์ ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากรถแข่ง เมื่อกดปุ่มระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์และเกียร์จะปรับตั้งค่าการทำงานให้พร้อมตอบสนองการขับขี่แบบเต็มสมรรถนะ ปลดปล่อยพละกำลังเต็มที่เพื่อสร้างอัตราเร่งสูงสุดเป็นระยะเวลา 20 วินาที แผงหน้าปัดจะปรับเปลี่ยนการแสดงผลในรูปของนาฬิกาจับเวลา เพื่อแจ้งให้ผู้ขับขี่รับทราบเวลาที่ใช้ไป  และสามารถเรียกใช้ฟังก์ชั่น Sport Response ได้ตลอดเวลาในทุกรูปแบบการขับขี่ที่เลือกใช้งาน

ระบบควบคุมการทรงตัว Porsche Stability Management (PSM) ในรถยนต์ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ ใหม่ ติดตั้งพร้อม โหมด PSM Sport ควบคุมการทำงานด้วยสวิทช์ PSM บริเวณคอนโซลกลาง ปรับตั้งการทำงานของ ระบบ PSM ให้รองรับการขับขี่แบบสปอร์ตเต็มรูปแบบ แยกการทำงานเป็นอิสระจากโปรแกรมการขับขี่ของระบบอื่น การทำงานของฟังก์ชั่น PSM Sport ใน ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ ใหม่ ให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบควบคุมการทรงตัวดีกว่าฟังก์ชั่น Sport Plus ในรุ่นเดิมอย่างชัดเจน

การขับขี่ในสนามแข่งทางเรียบ เมื่อเรียกใช้งานฟังก์ชั่นนี้ไฟเตือนระบบ PSM จะสว่างขึ้น และข้อความแจ้งสถานะการทำงานจะแสดงให้ผู้ขับขี่รับทราบผ่านแผงหน้าปัด ในสภาวะดังกล่าวระบบ PSM จะยังคงทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัวของรถ ผู้ขับขี่สามารถปิดการทำงานของ PSM ได้ด้วยการกดสวิทช์ PSM ค้างไว้

911 Turbo and 911 Turbo S re (3)

รถยนต์ ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ ใหม่ ติดตั้งระบบควบคุมช่วงล่างด้วยอิเล็กทรอนิกส์ PASM เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเข้าถึงและตอบสนองทุกสไตล์การใช้งาน ทั้งการขับขี่สไตล์สปอร์ตและความนุ่มนวลสะดวกสบาย  ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับ 911 เทอร์โบ เอส เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ติดตั้งระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) และ เซรามิกเบรก PCCB เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติมใหม่ใน 911 เทอร์โบ ด้วยระบบเตือนการเปลี่ยนช่องจราจรด้วยสัญญาณเรดาร์ (radar-based lane change assist) และระบบปรับความสูงของช่วงล่างด้านหน้า ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวก หลีกเลี่ยงความเสียหายใต้ท้องรถในกรณีขับขี่ผ่านเส้นทางที่ไม่ราบเรียบในความเร็วต่ำ เช่น เนินลูกระนาด เป็นต้น

911 Turbo and 911 Turbo S re (4)

รถยนต์ ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ ใหม่ บ่งบอกถึงคุณลักษณะอันโดดเด่น สะกดทุกสายตา  ด้วยงานออกแบบตัวถังที่เหนือล้ำยิ่งกว่า 911 คาร์เรร่า ผ่านอุปกรณ์และชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ 911 เทอร์โบ เท่านั้น ชุดกันชนหน้าใหม่ เสริมด้านล่างและช่องดักอากาศกลางด้วยครีบอากาศใหม่พร้อมไฟ LED แนวคู่ ช่วยเพิ่มความกว้างและความสง่างามให้แก่ตัวถังด้านหน้ามากยิ่งขึ้น มุมมองตัวถังด้านข้างแสดงออกถึงภาพลักษณ์ยนตกรรมสปอร์ตที่เหนือกว่า ด้วยล้ออัลลอยด์ใหม่ขนาด 20 นิ้ว พิเศษด้วยน๊อตยึดดุมล้อแบบ Centre Lock ใหม่ในรุ่น 911 เทอร์โบ เอส นอกจากนี้ในรุ่น 911 เทอร์โบ ได้รับการติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 9 J x 20 ที่ด้านหน้าและ 11.5 J x 20 ที่ด้านหลัง ขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิมถึง 1.5 นิ้ว เท่ากับรุ่น 911 เทอร์โบ เอส มือเปิดประตูดีไซน์ใหม่เช่นเดียวกับในรุ่น 911 คาร์เรร่า ตัวถังด้านหลังได้รับการออกแบบและพัฒนาใหม่ สะดุดตาเพียงครั้งแรกที่สัมผัส ด้วยไฟท้ายแบบ 3 มิติ ไฟเบรกแบบ 4 ลำแสง ปลายท่อไอเสียคู่ใหม่เอกลักษณ์ของยนตกรรมจากปอร์เช่ สปอยเลอร์ดักอากาศดีไซน์ใหม่แบบ 3 ช่องทาง ฝั่งซ้ายและขวาติดตั้งช่องรับอากาศแนวขวาง พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อประสิทธิภาพในการรับอากาศจากภายนอกเข้าสู่เครื่องยนต์สูงสุด

911 Turbo and 911 Turbo S re (2)

รถยนต์ปอร์เช่ 911 ใหม่ทุกรุ่นได้รับการติดตั้งระบบติดต่อสื่อสารและความบันเทิงใหม่ PCM และใน 911 เทอร์โบ เช่นเดียวกัน ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและสั่งการฟังก์ชั่นต่างๆ ของ PCM ผ่านหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง ติดตั้งอย่างกลมกลืนกับชุดแผงคอนโซล โดยท่านจะไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสารและความบันเทิง ด้วยหลากหลายช่องทางการเชื่อมต่อ กับอุปกรณ์ภายนอก อาทิ เช่น  พิเศษสุดด้วยความสามารถในการป้อนข้อมูลผ่านการเขียนด้วยมือลงบนหน้าจอแสดงผล เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารได้อย่างสะดวกสบายและง่ายดายยิ่งขึ้นด้วย Bluetooth หรือสายเคเบิ้ล ควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานของตัวรถผ่านหน้าจอของระบบ PCM ได้โดยตรง พร้อมด้วยสุนทรียภาพแห่งความบันเทิง ด้วยชุดเครื่องเสียง Bose sound system เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หรือเลือกอัพเกรดชุดเครื่องเสียง Burmester ติดตั้งเป็นอุปกรณ์พิเศษได้ตามความต้องการ

ใส่ความเห็น