ทดลองขับ All-new Honda Accord เจนเนอเรชั่นที่ 10 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์บล็อกใหม่ Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร และไฮบริด 2.0 ลิตร ระบบ Full Hybrid “แรง+ประหยัด” เชื่อมหลังคาเป็นชิ้นเดียวกับบอดี้ด้วยเทคโนโลยี Laser Blaze สวย แกร่ง ช่วงล่างนิ่ง พวงมาลัยคม ภายในกว้างมาก
(สหรัฐอเมริกา – 15 มกราคม 2562) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด พาสื่อมวลชนร่วมสัมผัสและทดสอบสมรรถนะ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ยนตรกรรมพรีเมียมซีดานที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแบรนด์ฮอนด้าไว้อย่างชัดเจน
หลังจากที่ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ได้นำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่งาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 หรือ The 35th Thailand International Motor Expo 2018 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ซึ่งประทับใจในภาพรวมของดีไซน์ภายนอก แต่ยังขาดข้อมูลเรื่องของสมรรถนะการขับขี่และไฮไลท์ฟังก์ชั่นต่างๆ กิจกรรมในครั้งนี้ จึงเกิดขึ้น เพื่อให้สื่อมวลชนทุกได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ณ เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เร็วๆ นี้
ประเทศสหรัฐอเมริกา นับเป็นตลาดที่สำคัญของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ในทุกเจเนอเรชั่น ด้วยฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและการตอบรับที่ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นยนตรกรรมรุ่นที่ขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งของฮอนด้า ในประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งเป็นยนตรกรรมรุ่นเรือธง (Flagship Model) ของฮอนด้า ที่เติบโตมาพร้อมกับ
แบรนด์ฮอนด้าจนถึงทุกวันนี้
สำหรับ ฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชั่นที่ 10 ได้ทำการเปิดตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศแรก เมื่อปี 2560 และหลังจากเปิดตัวเพียงไม่นาน ยนตรกรรมพรีเมียมซีดานรุ่นนี้ ก็สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศจากหลากหลายสถาบันชั้นนำด้านยานยนต์ ทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าและการเป็นที่ยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญในวงการรถยนต์ที่มีต่อ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะการขับขี่ ภาพลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียม และความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
แนวคิดการออกแบบ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10
ฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชั่นที่ 10 ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดหลัก “Absolute Confidence” เพื่อสร้างมาตรฐานยนตรกรรมพรีเมียมซีดานให้เหนือระดับไปอีกขั้น โดยมีพื้นฐานการพัฒนา ประกอบด้วยหลัก 3 ประการ ได้แก่
- Dynamics – ความปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว ทั้งในด้านดีไซน์ และสมรรถนะการขับขี่
- Captivating – ความมีเสน่ห์และน่าดึงดูดของรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
- Upscale – ยกระดับคุณภาพการพัฒนายนตรกรรม ให้สง่างาม และเหนือระดับเกินคลาส
การออกแบบภายนอก
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 นับเป็นการพลิกโฉมการออกแบบจากทุกรุ่นที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ผสานความหรูหราสง่างามกับความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว ผ่านการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ประณีตในทุกรายละเอียด ด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียวและเฉียบคม สะท้อนความหรูหราและสปอร์ตมากกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมา และครั้งแรกกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่เรียกว่า Laser Blaze ในการออกแบบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคารถและตัวถัง สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
การออกแบบภายใน
ห้องโดยสารของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ได้รับการออกแบบให้กว้างขวาง สะดวกสบาย
มากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้โครงสร้างเส้นแนวนอน เพื่อทำให้บริเวณคอนโซลกลางโปร่งโล่ง และส่งผลให้มีพื้นที่ช่วงขามากขึ้น อีกทั้งมอบทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ผสมผสานความสปอร์ตและพรีเมียมไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (Head Up Display : HUD) และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เป็นต้น
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มาพร้อม 2 ขุมพลังขับเคลื่อนที่สปอร์ตเร้าใจ ได้แก่
- เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO เครื่องยนต์เทอร์โบรุ่นใหม่ มาพร้อมระบบระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ซึ่งมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร ใน ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นเดิม และยังคงไว้ซึ่งอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับพลังงานทางเลือก E85
- เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า
(E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม–ไอออน คงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ
มาตรฐานด้านความปลอดภัย
เหนือระดับด้วยอีกขั้นของ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda SENSING) ซึ่งมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถ รวมถึงเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนในทุกการเดินทาง ได้แก่
- ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับพรีเมียม ที่จะติดตั้งในรุ่นที่จะทำการจำหน่ายในประเทศไทย อาทิ
- ระบบกล้องส่องภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System)
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System)
- ระบบเตือนเมื่อรถยนต์เคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor)