วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
AdvertorialSpecial Reportข่าวประกันภัยรถยนต์

5 จุดสำคัญต้องเคลียร์ ก่อนทำประกันรถยนต์

เชื่อว่าเจ้าของรถทุกท่าน มีความรู้พื้นฐานการเลือกประกันภัยรถยนต์กันดีอยู่แล้ว โดยปกติจะพิจารณาจากจำนวนเงินเอาประกันภัย เบี้ยประกันภัย และส่วนลดประวัติดี ฯลฯ

ที่กล่าวมานั้น เป็นเรื่องพื้นฐานที่ตัวแทนขายหรือโบรกเกอร์ต้องให้ข้อมูลก่อนทุกครั้งก่อนทำสัญญา ซึ่งฟังดูก็ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ทำไมเรื่องการซื้อหรือต่อประกันภัยรถ มักเป็นเรื่องที่ไม่เคยง่ายเมื่อถึงเวลาจริง ทั้งที่ก็เวียนมาซ้ำ อยู่ทุกปี

วันนี้เรามีเทคนิคง่าย มาบอกกล่าว เพื่อให้ท่านเจ้าของรถยนต์สามารถเลือกประกันภัยรถยนต์ให้ตรงความต้องการใช้งานมากที่สุด

1. ทำประกันอย่าดูแค่เบี้ย

ไม่ให้ดูเบี้ย แล้วจะให้ดูอะไร? โดนเบี้ยก็ยังต้องดู เพราะเป็นส่วนหนึ่งของสัญญากรมธรรม์ แต่ถ้าเอาตัวเบี้ยประกันภัยเป็นที่ตั้ง อาจจะทำให้ท่านเจ้าของรถเลือกซื้อประกันได้ไม่ตรงกับพฤติกรรมการใช้รถยนต์ และนำมาซึ่งข้อเสียเปรียบเมื่อเกิดเหตุต้องใช้งานเรียกเคลม หรือกลายเป็นสิ่งกวนใจตลอดอายุกรมธรรม์ที่ได้ตกลงทำสัญญาไปแล้ว

ประกันภัยรถยนต์ ภาคสมัครใจ มีการแบ่งประเภทไว้แล้ว ได้แก่ 1 , 2 และ 3 หรือภาษาชาวบ้านเรียกติดปากว่า ชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3 แต่ละประเภทก็มีเบี้ยที่แตกต่างกันชัดเจน แต่เมื่อเลือกประเภทได้แล้ว เจ้าของรถยนต์ก็จะได้รับข้อเสนอของประกันแต่ละค่าย เมื่อฟังตัวเลขเบี้ยที่ต้องจ่ายแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องถามและนำข้อมูลมาเปรียบเทียบความคุ้มค่าของประกันแต่ละตัวคือ กรณีประเภท 1 ทั้งซ่อมศูนย์และซ่อมอู่เบี้ยอยู่ที่เท่าไหร่? ทุนประกันเท่าไหร่? ระบุชื่อผู้ขับขี่ไปอีกเท่าไหร่? มีค่าเสียหายส่วนแรกกรณีเป็นฝ่ายผิดหรือไม่?

ส่วนประกันประเภท 2 , 2+ หรือ 3 ที่ความคุ้มครองลดหลั่นลงมา ก็มีคำถามเช่นกันว่า ทุนประกันเท่าไหร่? คุ้มครองไฟไหม้และจมน้ำหรือไม่? ซ่อมรถคู่กรณีต่อครั้งเท่าไหร่? และซ่อมรถตนเองกรณีชนกับพาหนะทางบกวงเงินเท่าไหร่? เป็นต้น ทั้งหมดเป็นข้อมูลสำคัญคร่าว เอาไว้ถามโบรกเกอร์กรณีนำเสนอขายทางโทรศัพท์ หรือ Telesales เพื่อจะได้ไม่ตัดสินใจพลาดก่อนที่จะตอบตกลงต่อประกันทางโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่รอบคอบ มักจะขอเอกสารความคุ้มครองมาอ่านโดยละเอียด

2. ทำประกันเหมือนการลงทุน

มองการทำประกันภัยรถยนต์เหมือนการลงทุนทางอ้อม บางคนรู้นิสัยการขับรถของตัวเองก็เน้นว่าต้องไม่มีค่าเสียหายส่วนแรกกรณีเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะถูกหรือผิด การทำประกันภัยรถยนต์จึงเป็นการลงทุนที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากความเสียหาย ถ้าต้องนำรถเข้าซ่อม และถ้าทำประกันต่อเนื่องทุกปี และไม่มีการเคลม ก็ยังมีส่วนลดประวัติดีให้ด้วย เบี้ยก็ถูกลงไปอีก

3. ทำประกันให้ดูความคุ้มครอง

แม้ค่ายประกันภัยและโบรกเกอร์จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ อยู่ตลอดเวลา แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราซื้อประกันก็เพื่อความอุ่นใจจากความคุ้มครองที่ได้รับตลอดอายุกรมธรรม์ ความคุ้มครองจึงเป็นตัวตัดสินความคุ้มค่าของกรมธรรม์นั้น แม้ว่าในวันที่ตัดสินใจซื้อเบี้ยประกันภัยอาจจะสูงกว่าตัวเลือกอื่น แต่ความคุ้มครองที่เราให้ความสำคัญจะต้องตอบโจทย์การใช้งานจริง อาทิ วงเงินคุ้มครองความเสียหายจากกรณีการชน วงเงินรักษาพยาบาล ค่ารถลาก รถหาย รถไฟไหม้ รถจมน้ำ รวมถึงวงเงินความคุ้มครองต่อทรัพย์สินและบุคคลภายนอกมีเพียงพอหรือไม่ เพราะหากเราขับไปชนคันอื่น อย่างน้อยเราก็มีประกันมาช่วยดูแลชดใช้ค่าเสียหายให้กับรถที่ถูกชน รวมถึงผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บด้วย เป็นต้น

4. อ่านรีวิวจากโลกโซเชียล

ถ้าจะพูดให้ทันสมัยก็คือ ค้นหารีวิวจากลูกค้าตัวจริง ที่นำประสบการณ์ตรงมาตั้งกระทู้ในเว็บบอร์ดยอดนิยม หรือเสิร์ชใน Google ทุกวันนี้ก็มีรีวิวขึ้นมาหมด ทั้งกระทู้เด็ด หรือโพสต์ส่วนตัวใน Facebook และ Twitter ถ้าได้รับความสนใจจากเพื่อนฝูง และคนใน Social Media ก็จะปรากฏในการค้นหาเช่นกัน สำหรับรีวิวจากผู้ใช้จริงที่อยากให้โฟกัสคือเรื่องเคลมเร็วซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องเจ้าหน้าที่ประกันไปถึงสถานที่เกิดเหตุเร็วเท่านั้นนะ แต่รวมถึงการที่เจ้าหน้าที่ประกันสามารถช่วยจัดการปัญหาต่างๆ ให้เราได้อย่างรวดเร็วและเรียบร้อยด้วย โดยเมื่อผู้ประสบเหตุโทรศัพท์แจ้งเข้าไปยัง Call Center พนักงานให้บริการอย่างเต็มที่ รับเรื่องและดำเนินการประสานเจ้าหน้าที่เดินทางมาที่หน้างานอย่างรวดเร็ว ขั้นตอนการช่วยเหลือไม่ยุ่งยาก ตรงนี้สำคัญมาก ให้นึกภาพว่า รถยนต์ชนท้ายกันในช่วงเวลาเร่งด่วนก่อนเข้างานหรือกำลังมีนัดสำคัญ ความโกลาหลเกิดขึ้นมากมาย ถ้าเจ้าหน้าที่เคลมช้า กว่าจะแยกย้าย ตารางชีวิตในวันนั้นคงพัง เครื่องสำอางและเสื้อผ้าที่แต่งมาคงไปไหนต่อไม่ได้

5. เลือกประกันที่เข้าได้ทุกศูนย์ทุกอู่

จั่วหัวแบบนี้ ทุกคนคงบอกว่าไม่มีอยู่จริง เพราะอู่เล็กมาก ประเภทซ่อมแผลหรือรอยบุบตามปั๊ม ก็ไม่ได้รับงานประกัน ในความหมายของเรื่องนี้คือ ท่านเจ้าของรถยนต์ต้องเช็กับศูนย์ที่ท่านซื้อรถยนต์และใช้บริการงานเช็ระยะอยู่ว่ารับงานประกันค่ายใดบ้าง โดยเฉพาะเรื่องงานสีและตัวถังที่ใช้บริการกันบ่อย หรือในกรณีที่รถเก่าไม่ได้เข้าศูนย์ และมีอู่ที่เคยใช้บริการประจำ ให้สอบถามว่ารับงานเคลมของประกันที่ท่านเล็งจะเป็นลูกค้าหรือไม่ ประวัติของประกันเจ้านั้น เป็นอย่างไร ถ้าเคยมีเคสกันมา เจ้าของอู่จะบรรยายให้ท่านทราบโดยละเอียดเลยเชียว หรือคนที่ไม่เคยเคลมเลย ก็อย่านิ่งนอนใจ สามารถเช็กับประกันของท่านไว้ก่อนเลยก็ได้ว่า ในละแวกที่ท่านอยู่อาศัย ถ้ามีการเคลมเข้าศูนย์และอู่ไหนได้บ้าง ของแบบนี้ต้องหมั่นอัปเดตรายชื่ออู่กันทุกปี

และหากถามว่าบริษัทประกันไหนดีที่มีคุณสมบัติตามที่กล่าวมานี้ ทำให้นึกถึงกรุงเทพประกันภัยซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่ขึ้นชื่อเรื่องบริการดี เคลมง่าย ไม่ยุ่งยาก มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้ามาอย่างยาวนาน ลองเข้าไปศึกษาหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ bangkokinsurance.com หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 2285 8888

ใส่ความเห็น