รถ Off-Road คือยานพาหนะชนิดใดก็ได้ที่สามารถขับขี่เข้าไปยังทางขรุขระ และสามารถขับออกมาได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีความพิเศษคือ มียางขนาดใหญ่, มีดอกยางที่กว้างและลึก, มีช่วงล่างที่ยืดหยุ่น, หรือแม้แต่มีชุดล้อตีนตะขาบ
รถ Off-road นั้นเป็นรถที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นรถที่สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบและมีความสามรถหลายด้าน การแข่งขันรถ off-road 4 ล้อ ที่ได้รับความนิยมก็จะมี การแข่ง rally, การแข่งในทะเลยทราย (desert racing), และการแข่ง Rock Crawling หรือการปีนเขา
การแข่งขันรถ ATV (all-terrain vehicle)/มอเตอร์ไซ รายการใหญ่ๆ ก็จะมี Motocross, Enduro, และการแข่งขันในทะเลยทรายสุดโหดอย่าง Dakar Rally และ Baja 1000
โดยส่วนมาก การใช้งานทั่วไปของรถชนิดนี้จะเป็นการขับรถเพื่อไปชมทิวทัศน์ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากถนนลาดยางทั่วไป ซึ่งการที่รถมี ground clearance และพละกำลังที่สูงกว่าปกติ ทำให้สามารถเข้าถึงทางวิบาก และเส้นทางในป่า-เขาได้อย่างง่ายดาย
หนึ่งในยานพาหนะ off-road ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นรุ่นแรกๆ มีชื่อว่า Kégresse track พัฒนาโดย Adolphe Kégresse (วิศวกรทหารชาวฝรั่งเศส) Kégresse ได้ออกแบบตัวต้นฉบับขณะทำงานให้กับ จักพรรดิ Nicholas II แห่ง Russia ระหว่างปี 1906 – 1916
ระบบการทำงานจะเป็นสายพานตีนตะขาบแบบพิเศษ ซึ่งเป็นสายพานที่มีความยืดหยุ่น ไม่ใช่แบบข้อเหล็กเชื่อมต่อกัน (interlocking metal segments) ซึ่งสามารถติดตั้งเข้ากับรถยนต์ทั่วไปหรือรถบรรทุกได้ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นรถ half-track (รถที่มีล้อหน้าแบบปกติ ล้อหลังเป็นสายพาน) ทำให้สามารถใช้งานในพื้นที่ขรุขระหรือดินโคลนได้
หลังจากการปฏิวัติในรัสเซีย ค.ศ.1917 Kégresse ได้ย้ายกลับมาที่ประเทศผรั่งเศส ซึ่งระบบของเขาได้ถูกใช้ในรถ Citroën ระหว่าง ค.ศ.1921 – ค.ศ.1937 เพื่อเป็นรถ off-road และเป็นพาหนะทางการทหาร Citroën ยังเป็นผู้สนับสนุนรถให้กับกองทหารที่ส่งไปปฏิบัติหน้าที่นอกประเทศ เพื่อใช้ในการเดินทางไปยังแอฟริกาเหนือและเอเชียกลาง
รถ Off-Road แบบล้อยักษ์ ถูกออกแบบในช่วง ค.ศ.1937 – ค.ศ.1939 ภายใต้การควบคุมของ Thomas Poulter มีชื่อว่า Antarctic Snow Cruiser มีจุดมุ่งหมายไว้เพื่อทำให้การขนส่งในทวีป Antarctica มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ขณะที่เจ้ายักษ์ใหญ่คันนี้ถูกใส่นวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไป ก็ไม่สามารถที่จะใช้งานได้ เนื่องจากสภาพอากาศใน Antarctica นั้นโหดร้ายมาก และมันก็ถูกทิ้งไว้ที่ Antarctica ไปโดยปริยาย
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้เกิดแบรนด์รถ off-road ในตำนานขึ้นมา นั่นก็คือ Jeep ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะใช้งานในลักษณะรถยนต์อเนกประสงค์ และเริ่มไปลุยทาง off-road เป็นงานอดิเรก
หลังจากที่ Jeep เริ่มสร้างตำนานรถ Off-Road แบรนด์รถยนต์อื่นๆ ก็เริ่มที่จะเข้ามาทำตลาดรถ off-road บ้าง ไม่ว่าจะเป็น Land Rover จากอังกฤษ และแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota, Datsun/Nissan, Suzuki, และ Mitsubishi ซึ่งทุกยี่ห้อมีลักษณะที่คล้ายกันคือ มีขนาดเล็ก, กระทัดรัด, ขับเคลื่อน 4 ล้อ, พร้อมด้วยหลังคาแข็งขนาดเล็กเพื่อป้องกันผู้โดยสารจากสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ
ตั้งแต่ยุค 60s เป็นต้นมา รถ Off-road ก็มีความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น ซึ่งจะได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้าที่อาศัยอยู่ในชนบท เนื่องจากความสามารถในการลุยทาง off-road และในขณะเดียวก็สามารถบรรทุกสัมภาระได้เยอะอีกด้วย
รถ off-road ในยุคนั้นก็มีหลายค่ายพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น สัญชาติอเมริกัน Jeep Wagoneer และ Ford Bronco, สัญชาติอังกฤษ Range Rover, และสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Toyota Land Cruiser, Nissan Patrol, และ Suzuki Lj ซึ่งล้วนเป็นรถ station wagon ที่ใช้โครงสร้างจากรถบรรทุกขนาดเล็ก (light truck) มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
ช่วงยุค 90s ค่ายรถยนต์ต่างก็เริ่มเพิ่มมูลค่าและความหรูหราให้กับรถ off-road ให้เทียบเท่ากับรถยนต์นั่งทั่วไป ซึ่งในที่สุดก็ค่อยๆ พัฒนามาเป็นรถ SUV (Sport utility vehicle) แบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
ซึ่ง ณ ตอนนี้ ก็พัฒนามาเป็นรถ Crossover ที่ได้ลดประโยชน์ใช้สอยและความสามารถในการใช้งานแบบ off-road ลง เพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้งานในเมืองหรือท้องถนนทั่วไป และยังมีความหรูหราเพิ่มขึ้นอีกด้วย