วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
Off-RoadPick Up

[Off-Road] ย้อนอดีตรถ Off-Road สู่ยานยนต์เอนกประสงค์ยุคปัจจุบัน

รถ Off-Road  คือยานพาหนะชนิดใดก็ได้ที่สามารถขับขี่เข้าไปยังทางขรุขระ และสามารถขับออกมาได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีความพิเศษคือ มียางขนาดใหญ่, มีดอกยางที่กว้างและลึก, มีช่วงล่างที่ยืดหยุ่น, หรือแม้แต่มีชุดล้อตีนตะขาบ

รถ Off-road นั้นเป็นรถที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นรถที่สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบและมีความสามรถหลายด้าน  การแข่งขันรถ off-road 4 ล้อ ที่ได้รับความนิยมก็จะมี การแข่ง rally, การแข่งในทะเลยทราย (desert racing), และการแข่ง Rock Crawling หรือการปีนเขา

การแข่งขันรถ ATV (all-terrain vehicle)/มอเตอร์ไซ รายการใหญ่ๆ ก็จะมี Motocross, Enduro, และการแข่งขันในทะเลยทรายสุดโหดอย่าง Dakar Rally และ Baja 1000

โดยส่วนมาก การใช้งานทั่วไปของรถชนิดนี้จะเป็นการขับรถเพื่อไปชมทิวทัศน์ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากถนนลาดยางทั่วไป ซึ่งการที่รถมี ground clearance และพละกำลังที่สูงกว่าปกติ ทำให้สามารถเข้าถึงทางวิบาก และเส้นทางในป่า-เขาได้อย่างง่ายดาย

หนึ่งในยานพาหนะ off-road ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นรุ่นแรกๆ มีชื่อว่า Kégresse track พัฒนาโดย Adolphe Kégresse (วิศวกรทหารชาวฝรั่งเศส) Kégresse ได้ออกแบบตัวต้นฉบับขณะทำงานให้กับ จักพรรดิ Nicholas II แห่ง Russia ระหว่างปี 1906 – 1916

ระบบการทำงานจะเป็นสายพานตีนตะขาบแบบพิเศษ ซึ่งเป็นสายพานที่มีความยืดหยุ่น ไม่ใช่แบบข้อเหล็กเชื่อมต่อกัน (interlocking metal segments)  ซึ่งสามารถติดตั้งเข้ากับรถยนต์ทั่วไปหรือรถบรรทุกได้ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นรถ half-track (รถที่มีล้อหน้าแบบปกติ ล้อหลังเป็นสายพาน) ทำให้สามารถใช้งานในพื้นที่ขรุขระหรือดินโคลนได้

Russo-Balt รุ่น C24-30 ของจักรพรรดิ Tsar Nicholas II ที่ติดตั้ง Kegresse track

หลังจากการปฏิวัติในรัสเซีย ค.ศ.1917  Kégresse ได้ย้ายกลับมาที่ประเทศผรั่งเศส ซึ่งระบบของเขาได้ถูกใช้ในรถ Citroën ระหว่าง ค.ศ.1921 – ค.ศ.1937 เพื่อเป็นรถ off-road และเป็นพาหนะทางการทหาร  Citroën ยังเป็นผู้สนับสนุนรถให้กับกองทหารที่ส่งไปปฏิบัติหน้าที่นอกประเทศ เพื่อใช้ในการเดินทางไปยังแอฟริกาเหนือและเอเชียกลาง

Citroën P19B Kégresse halftrack

รถ Off-Road แบบล้อยักษ์ ถูกออกแบบในช่วง ค.ศ.1937 – ค.ศ.1939 ภายใต้การควบคุมของ Thomas Poulter มีชื่อว่า Antarctic Snow Cruiser มีจุดมุ่งหมายไว้เพื่อทำให้การขนส่งในทวีป Antarctica มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ขณะที่เจ้ายักษ์ใหญ่คันนี้ถูกใส่นวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไป ก็ไม่สามารถที่จะใช้งานได้ เนื่องจากสภาพอากาศใน Antarctica นั้นโหดร้ายมาก และมันก็ถูกทิ้งไว้ที่ Antarctica ไปโดยปริยาย

Antarctic Snow Cruiser

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้เกิดแบรนด์รถ off-road ในตำนานขึ้นมา นั่นก็คือ Jeep  ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะใช้งานในลักษณะรถยนต์อเนกประสงค์ และเริ่มไปลุยทาง off-road เป็นงานอดิเรก

หลังจากที่ Jeep เริ่มสร้างตำนานรถ Off-Road แบรนด์รถยนต์อื่นๆ ก็เริ่มที่จะเข้ามาทำตลาดรถ off-road บ้าง ไม่ว่าจะเป็น Land Rover จากอังกฤษ และแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota, Datsun/Nissan, Suzuki, และ Mitsubishi  ซึ่งทุกยี่ห้อมีลักษณะที่คล้ายกันคือ มีขนาดเล็ก, กระทัดรัด, ขับเคลื่อน 4 ล้อ, พร้อมด้วยหลังคาแข็งขนาดเล็กเพื่อป้องกันผู้โดยสารจากสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ

1943 Jeep Willys

ตั้งแต่ยุค 60s เป็นต้นมา รถ Off-road ก็มีความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น ซึ่งจะได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้าที่อาศัยอยู่ในชนบท เนื่องจากความสามารถในการลุยทาง off-road และในขณะเดียวก็สามารถบรรทุกสัมภาระได้เยอะอีกด้วย

รถ off-road ในยุคนั้นก็มีหลายค่ายพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น สัญชาติอเมริกัน Jeep Wagoneer และ Ford Bronco, สัญชาติอังกฤษ Range Rover, และสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Toyota Land Cruiser, Nissan Patrol, และ Suzuki Lj ซึ่งล้วนเป็นรถ station wagon ที่ใช้โครงสร้างจากรถบรรทุกขนาดเล็ก (light truck) มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

1980 Toyota Landcruiser FJ40

ช่วงยุค 90s ค่ายรถยนต์ต่างก็เริ่มเพิ่มมูลค่าและความหรูหราให้กับรถ off-road ให้เทียบเท่ากับรถยนต์นั่งทั่วไป ซึ่งในที่สุดก็ค่อยๆ พัฒนามาเป็นรถ SUV (Sport utility vehicle) แบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

ซึ่ง ณ ตอนนี้ ก็พัฒนามาเป็นรถ Crossover ที่ได้ลดประโยชน์ใช้สอยและความสามารถในการใช้งานแบบ off-road ลง เพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้งานในเมืองหรือท้องถนนทั่วไป และยังมีความหรูหราเพิ่มขึ้นอีกด้วย

2017 Land Cruiser Prado Altitude special-edition

Toyota C-HR

ใส่ความเห็น