หลังจากที่ชาวอเมริกันได้รอคอยมา 2-3 ปี ในตอนนี้ Jeep ก็ได้เปิดตัว 2018 Jeep Grand Cherokee Trackhawk ก่อนที่งาน New York Auto Show จะเริ่มขึ้นในวันที่ 14 เมษายน นี้
โดยขุมพลังของ Trackhawk มาจากเครื่องยนต์ “Hellcat” V8 Supercharged 6.2 ลิตร ซึ่งมีใช้อยู่ใน Dodge Challenger และ Dodge Charger มีแรงม้าถึง 707 แรงม้า และมีแรงบิดอยู่ที่ 645 ปอนด์-ฟุต พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Jeep อ้างว่า Trackhawk สามารถเร่งจากจุดหยุดนิ่งถึง 60 ไมล์/ชม. (96 กม./ชม.) ได้ภายใน 3.5 วินาทีเท่านั้น และสามารถทำเวลา quarter mile ได้ที่ 11.6 วินาที ที่ความเร็ว 116 ไมล์/ชม. (185.6 กม./ชม.) และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 180 ไมล์/ชม. (289 กม./ชม.)
เมื่อมีเครื่องยนต์ที่แรงแล้ว ระบบเบรคก็ต้องดีด้วย โดยมีระยะเบรคจาก 60 ไมล์/ชม. (96 กม./ชม.) – 0 อยู่ที่ 114 ฟุต (34.75 เมตร) เท่านั้น ซึ่งต้องขอบคุณคาลิปเปอร์เบรคขนาด 6-POT ที่ด้านหน้า และ 4-POT ที่ด้านหลัง จาก Brembo ที่สามารถหยุดจานเบรคขนาด 15.75 นิ้ว และ 13.78นิ้ว ได้อย่างมั่นใจ Trackhawk มาพร้อมกับระบบเกียร์ Torqueflite 8 จังหวะ ที่ได้รับการปรับปรุงมาจากฝาแฝด Hellcat และยังมี Track ซึ่งทำให้มีระยะเวลาในเการเปลี่ยนเกียร์อยู่ 160 มิลลิวินาที เท่านั้น
รูปลักษณ์ภายนอกของ Trackhawk อาจจะยากที่จะแยกความแตกต่างออกจากรุ่น SRT8 ซึ่งสิ่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่มาแทนไฟตัดหมอก (ช่องหนึ่งทำความเย็นให้ท่อร่วมไอดี อีกท่อหนึ่งทำความเย็นให้กับน้ำมันเครื่อง),ท่อไอเสียสีดำ 4 ท่อ, ตรา ‘Trackhawk’ ที่ด้านหลัง และตรา ‘Supercharged’ ที่บันไดประตูคู่หน้า
SUV คันนี้มาพร้อมกับล้อขนาด 20×10 นิ้ว และสามารถเลือกได้ระหว่าง cast aluminum หรือ forged aluminum, ซึ่งเป็นออปชันเสริมที่สามารถลดน้ำหนักลงได้ 12 ปอนด์ (5.44 กิโลกรัม)
ภายในยังคงคอนเซ็ปต์จาก Grand Cherokee ไว้เหมือนเดิมด้วย ระบบเครื่องเสียง Uconnect หน้าจอสัมผัสขนาด 8.4 นิ้ว พร้อมด้วย Apple CarPlay และ Android Auto แต่ได้เพิ่มมาตรวัดความแรงต่างๆ ลงไปในเมนู Trackhawk Performance Pages ที่มีเฉพาะใน Trackhawk เท่านั้น อีกฟีเจอร์ที่มี คือ Valet Mode ที่จะจำกัดแรงม้า, แรงบิด,รอบเครื่องยนต์d, ยกเลิกระบบ launch control, เปิดระบบ ESC แบบเต็มรูปแบบ และยกเลิกการใช้ paddle shift
สำหรับราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการนั้นยังไม่ได้ประกาศออกมา แต่คาดว่าน่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ $85,000 ซึ่งจะเริ่มขายในสหรัฐอเมริกา ไตรมาสที่ 4 ปี 2018
Credit : Carscoops.com