หลังจากที่ Toyota ได้ปล่อย Sienna MY2017 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ทั้งแรงและประหยัด มาขายได้เพียง 1 ปี Toyota ก็ได้เปิดตัว Toyota Sienna MY2018 ที่มาพร้อมกับสไตล์ที่โดดเด่น เต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย และอุปกรณ์อำนวยคงวามสะดวกที่ครบครัน
สำหรับตัวปี 2018 นี้จะมีระบบ Toyota Safety Sense™ P (TSS-P) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ซึ่งระบบนี้ได้รวบรวมสุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ active เข้าไว้ด้วยกัน ประกอบด้วยระบบป้องกันการชน และตรวจจับคนข้ามถนน (Pre-Collision System with Pedestrian Detection – PCS w/PD), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control – DRCC), ระบบเตือนออกนอกช่องจราจรพร้อมช่วยปรับพวงมาลัย (Lane Departure Alert with Steering Assist – LDA w/SA), ระบบไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams – AHB)
ผู้ขับขี่จะเพลิดเพลินไปกับการเชื่อมต่อและความบันเทิงผ่านระบบมัลติมีเดีบย Toyota Entune™ 3.0 มีอยู่ในทุกรุ่น ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีต่างๆ ของรถได้ง่ายขึ้น
โดยระบบ Entune 3.0 จะมาพร้อมกับระบบนำทาง (navigation) และ App Suite Connect โดยในรุ่น L, LE, SE และ XLE จะมี Connected Navigation Scout GPS Link with Moving Maps เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนใน Sienna LE, SE, และ XLE จะมี Entune Audio Plus เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งรวมไปถึง Safety Connect และการเชื่อมต่อ Wi-Fi ซึ่งสามารถเชื่อมต่อ WiFi ได้สูงสุด 5 เครื่อง โดยใช้ 4G LTE
สำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์แบบจัดเต็มก็จะมี Entune™ 3.0 Premium JBL Audio (ซึ่งเป็นออปชั่นเสริมในรุ่น SE และ XLE and และเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Limited) ที่มาพร้อมระบบ Dynamic Navigation และ Destination Assist พร้อมด้วยระบบเสียงคุณภาพสูง ระบบเสียงถูกยกระดับด้วย Sound Staging ซึ่งจะวางลำโพงไว้ที่หน้าผู้ฟังโดยตรง ซึ่งทำให้เหมือนฟังเพลงอยู่ในคอนเสิร์ตเลยทีเดียว
โดยระบบนี้มาพร้อมกับลำโพง 9 ตัว พร้อม subwoofer ขนาด 10.1 นิ้ว และยังมีเทคโนโลยีช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงที่มีชื่อว่า Clari-Fi จาก Harman ซึ่งจะปรับปรุงความบกพร่องของไฟล์เสียงที่ผ่านการบีบอัดทั้งหลาย เช่น mp3 ซึ่งมักจะขาดรายละเอียดของเสียงไป เพื่อทำให้เสียงมีรายละเอียดที่ฟังดูเป็นธรรมชาติสมจริงมากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีเพิ่มเติมมาก็คือ
- พอร์ต USB 5 พอร์ต ครอบคลุมที่นั่งทั้ง 3 แถว
- ระบบความบันเทิงที่เบาะหลังถูกปรับปรุงให้สามารถสตรีมมิ่งจากอุปกรณ์ Android ได้
- ระบบ Bird’s Eye View monitor (มีให้เลือกในรุ่น Limited Premium)
- จอแสดงผลข้อมูลรถแบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว
สำหรับภายนอกก็ถูกปรับปรุงให้มีหน้าตาที่ดูแข็งแรงมากขึ้นด้วยกระจังหน้าด้านล่างและโคมไฟตัดหมอกขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนในรุ่น SE ได้รับการปรับปรุงสมรรถนะด้านเสียงรบกวน, การสั่นสะเทือน, และความกระด้าง (Noise/Vibration/Harshness – NVH) ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย