Mazda CX-5 เป็นรถ SUV คันแรกที่ได้ผสมผสานเทคโนโลยี SKYACTIV ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน โดยได้เปิดตัวไปเมื่อปี 2012 เและยังเป็นรุ่นแรกที่ใช้ปรัชญาการออกแบบ KODO – Soul of Motion (โคโดะ – จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว) อีกด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรถยนต์ของมาสด้าที่ขายดีที่สุดในยุโรปในไม่ช้า
ซึ่งจริงๆ แล้ว 1 ใน 4 ของรถยนต์จาก Mazda ที่ขายได้ทั่วโลกคือ CX-5 และมันก็ยังเป็นรถที่ชาวยุโรปชื่นชอบมากถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะป็นรุ่นที่เก่าที่สุดในสายการผลิตของมาสด้าก็ตาม โดยมาสด้าตั้งใจว่าจะพัฒนาจุดแข็งของ All-New CX-5 ให้ดียิ่งขึ้น หลังจากที่มันได้กวาดรางวัลมากว่า 100 รางวัล แล้ว
ห้องโดยสารของ all-new CX-5 ถูกออกแบบใหม่ โดยฟังก์ชันการใช้งานที่สำคัญต่างๆ ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัวและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น อาทิเช่น เทคโนโลยีแสดงผลบนกระจกหน้ารถ (Head-Up Display – HUD), หน้าจอแสดงผลจัดวางอยู่ด้านบนของ dashboard เผื่อให้มองง่ายยิ่งขึ้น, การลดเสียงรบกวนจากภายนอก, และยังมีงานประกอบที่ปราณีตมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือชั้น
All-new CX-5 ยังคงใช้ KODO Design ในการออกแบบ แต่ก็ลดส่วนที่ไม่สำคัญออกไป โดยมันมีฐานล้อที่กว้างขึ้น, เสา A-Pillar ขยับมาด้านหลัง, และยังมีหลังคาและ beltline ที่ต่ำลง ทำให้ตัวรถมีความปราดเปรียวและมีห้องโดยสารที่กว้างขึ้น
CX-5 ใหม่ยังคงขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังและแชสซีส์ SKYACTIV ที่มีน้ำหนักเบา โดยได้รับการกรับแต่งให้มีการตอบสนองที่ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังเสริมด้วยนวัตกรรมการขับขี่และความปลอภัยไว้มากมาย อย่างเช่น G-Vectoring Control ที่จะช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้แปรผันตามการสั่งการจากพวงมาลัย เพื่อควบคุมให้แรงเหล่านี้เป็นหนึ่งเดียว และเสริมประสิทธิภาพการรับน้ำหนักในแนวดิ่งของยางแต่ละเส้น เพื่อให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ด้วยคุณภาพระดับพรีเมี่ยม, ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ใช้งานง่ายและตอบสนองดีเยี่ยม ทำให้ all-new Mazda CX-5 เป็นรถ compact SUV ในตลาดยุโรปที่เหนือกว่าคู่แข่งใน segment เดียวกันทั้งหมด
รูปลักษณ์ภายนอก
- ด้วยฐานล้อหลังที่สั้นลง 5 มิลลิเมตร ; ต่ำลง 35 มิลลิเมตร ; กว้างขึ้น 5 มิลลิเมตร ทำให้การทรงตัวของรถมั่นคงยิ่งขึ้น
- “Refined toughness – ความแข็งแกร่งที่ถูกเลือกสรรค์” : รูปลักษณ์ที่ทรงพลัง, ความงดงามที่ภูมิฐาน
- ปีกอันเป็นเอกลักษณ์ที่ลากยาวจากใต้ไฟหน้าทั้ง 2 ข้าง มาบรรจบที่ตรงกลางใต้กระจังหน้า ซึ่งทำให้รถดูกว้างขึ้น
- การทรงตัวของรถมั่นคง และลู่ลมมากขึ้นthเสา A-Pillar ขยับมาด้านหลัง 35 มิลลิเมตร, มีหลังคาและ beltline ที่ต่ำลง, ไฟตัดหมอกขาดเล็กแบบ LED, และไฟท้ายที่รวมอยู่ในโคมเดียวกัน
- เส้นสายด้านข้างที่เป็นเอกลักษณ์ ที่บอกถึงความรวดเร็วว่องไว ปลุกเร้าสัญชาติญาณของผู้ขับและยังทำให้รถดูยาวขึ้นด้วย
- กระจกมองข้างที่เล็กลง แต่ถูกปรับปรุงให้มีความชัดเจนและลู่ลมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีฟังก์ชันพับเก็บอัตโนมัติอีกด้วย
- ล้ออลูมีเนียมสี gun metallic ขนาด 19 นิ้ว และ สี dark silver ขนาด 17 นิ้ว และยังมีล้อเหล็กขนาด 17 นิ้วให้เลือกอีกด้วย
- สีตัวถังใหม่ระดับพรีเมี่ยม Soul Red Crystalally ซึ่งให้ความลึกและความสดใสดั่งทับทิม
การตกแต่งภายใน
- แนวทาง “Refined toughness – ความแข็งแกร่งที่ถูกเลือกสรรค์” ยังถูกใช้ในการออกแบบห้องโดยสารอีกด้วย การผสมผสานระว่างความตึงเครียดและการผ่อนคลาย ทำให้ SUV คันนี้มีความแข็งแกร่ง และ คุณภาพการประกอบที่ไร้ที่ติ
- การออกแบบที่นึกถึงผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ทำให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์จากแนวคิดการออกแบบ “จินบะ อิไต (Jinba Ittai)”
- ห้องโดยสารที่อบอุ่นและมีรสนิยม:
- ช่องปรับอากาศ และแผงด้านหน้าลากยาวเป็นแแนวนอนจากพวงมาลัยถึงประตู
- ตกแต่งเส้นสายด้วยลาย ไม้ และ สีเหมือนโลหะ ให้ความรู้สึกที่มีพลังและอบอุ่น
- คอนโซลกลางที่สูงและสะอาดตา และ sunroof ที่ใหญ่ขึ้น ช่วยให้รู้สึกว่าห้องโดยสารมีขนาดใหญ่
- เบานั่งถูกออกแบบให้ลดความเมื่อยล้าลงแม้ว่าจะเดินทางไกลๆ
- เบาะคู่หน้าถูกมาให้มีความสบายมากยิ่งขึ้น และยังลดแรงสั่นสะเทือน ด้วยการใช้หมอนรองที่หนาขึ้น ตัวหนุนด้านข้างและไหล่, และใช่โฟมยูรีเทนคุณภาสูงที่พนักพิงหลัง
- เบานั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อม memory
- เบาะนั่งแถวหลังมาพร้อมระบบอุ่นเบาะ แลยังมีที่วางแขนนตรงกลางพร้อมช่องวางแก้วน้ำและ ช่อง USB สำหรับชาร์จโทรศัพท์
- ประตูหลังไฟฟ้า power liftgate
- ห้องเก็บสัมภาระขนาด 506 ลิตร พร้อมช่องเก็บจองข้างใต้
- เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 4:2:4 เพื่อให้มีความยืดหยุนสูงในการบรรทุกสัมภาระ
- เมื่อพับเบาะแถว 2 ลงทั้งหมดแล้ว ห้องเก็บสัมภาระจะมีขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,620 ลิตร
อุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบาย
- การออกแบบที่นั่งคนขับคำนึงถึงหลักการยศาสตร์ (ergonomic) มากยิ่งขึ้น โดยการจัดวางอุปกรณ์ที่สำคัญต่างๆ เปรียบเสมือนอวัยวะของผู้ขับขี่
- ระบบ head-up display (HUD)โโยจะแบ่งเป็น 2 โซน โดยจะบอกข้อมูลเกี่ยวสภาพแวดล้อมขณะขับขี่ (เช่น เส้นทางขางระบบนำทาง) และสถานะของรถ (เช่น ความเร็วขณะนั้น) และยังสามารถบอกสัญญาณจราจรได้อีกด้วย
- จอแสดงผล WVGA ขนาด 7 นิ้ว วางอยู่ด้านบนของแผง dashboard
- แผงหน้าปัดแบบใหม่ที่มาพร้อมกับจอ multi-information display แบบ LCD ความละเอียดสูง ขนาด 4.6 นิ้ว วางอยู่ที่วงกลมด้านขวาของแผงหน้าปัด
- พวงมาลัยแบบใหม่ ที่มีการจัดวางตำแหน่งของปุ่มใหม่,ลดขนาดของตัวครอบถุงลมนิรภัยลง, ก้านพวงมาลัยแนวนอนจับถนัดขึ้นพร้อมด้วย heater
- ระบบ MZD Connect รองรับการเชื่อต่อโทรศัพท์แบบไร้สายด้วย Bluetooth®, Aha™ by HARMAN สำหรับการเชื่อทต่อ Twitter และเว็บไซต์อื่นๆ, และระบบนำทาง
- ระบบเครื่องเสียงBOSE® พร้อมลำโพง 10 ตัว พ่วงด้วยระบบ AudioPilot™2 และ Centerpoint®2
- ช่องเก็บของกระจุกกระจิกในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้น
- มีระบบฉีดล้างไฟ้หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และตัวละลายน้ำแข็งที่เกาะที่ปัดน้ำฝนเป็นออปชั่นเสริม
แชสซีและตัวถัง
- ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ที่มีระบบ G-Vectoring Control ที่จะช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้แปรผันตามการสั่งการจากพวงมาลัย เพื่อควบคุมให้แรงเหล่านี้เป็นหนึ่งเดียว และเสริมประสิทธิภาพการรับน้ำหนักในแนวดิ่งของยางแต่ละเส้น เพื่อให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- โดย CX-5 มีให้เลือกทั้งรุ่นประหยัดขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ i-ACTIV AWD ซึ่งใช้เซ็นเซอร์แยกอิสระถึง 27 ตัว ในการตรวจจับเจตนาของผู้ขับขี่ และการเปลี่ยนสภาพถนน โดยการควบคุมแรงดันที่ส่งไปยังล้อทั้ง 4 ให้เหมาะสม
- แชสซี SKYACTIV ถูกปรับปรุงให้มีการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น
- เทคโนโลยี SKYACTIV-Body ช่วยให้โครงสร้างตัวถังมีความแข็งแรงและให้ความปลอดภัยในระดับสูง แต่น้ำหนักเบากว่าเดิม
- ปรับปรุงบอดี้ของรถ และ aerodynamic ใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนจากภายนอกที่จะเล็ดลอดเข้ามายังห้องโดยสาร
ขุมพลังอันทรงพลัง
SKYACTIV-G 2.0
- รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า สามารถผลิตแรงม้าสูงสุด 165 PS/121 kW ที่ 6,000 รอบ และ แรงบิด 210 Nm ที่ 4,000 รอบ
- รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถผลิดแรงม้าออกมาได้ 160 PS/118 kW ที่ 6,000rpm และแรงบิด 208 Nm ที่ 4,000 รอบ
- เครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอัตราส่วนกำลังอัดสูงสุดในโลกถึง 14:1 อัตราส่วนกำลังอัดยิ่งสูงยิ่งประหยัดน้ำมัน
- ลูกสูบพิเศษที่มีโพรงอยู่ด้านบน เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้เปลวไฟที่เกิดขึ้นในช่วงต้นของการเผาไหม้กระจายออกไปโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง
- ระบบไอเสีย 4-2-1 พัฒนาการใหม่ที่ช่วยเพิ่มแรงบิดและแก้ปัญหาอาการน็อคของเครื่องยนต์
- ใช้หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบมีจำนวนรูฉีดที่มากกว่าเก่ามาช่วยเพิ่มความแม่นยำ และเพิ่มคุณภาพการสเปรย์ของเชื้อเพลิง
SKYACTIV-D 2.2
- มีด้วยกัน 2 รุ่นคือ
- แรงม้า 110 kW/150PS ที่ 4,500 รอบ มีแรงบิดสูงสุด 380Nm ที่ 1,800-2,600รอบ
- แรวม้า 129kW/175PS at 4,500 รอบ มีแรงบิดสูงสุด 420Nm ที่ 2,000 รอบ
- เป็นไปตามข้อบังคับการปลดปล่อยมลพิษ EURO 6 ของยุโรป Tier II BIN 5 ของสหรัฐอเมริกา และ Japan’s Post New Long-Term ของญี่ปุ่น โดยไม่ต้องใช้เครื่องบำบัดก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ที่มีราคาแพง
SKYACTIV-Drive
- เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่รวมทุกข้อดีของระบบเกียร์ที่มีอยู่เข้าไว้ด้วยกัน
- ประหยัดน้ำมันทุกรอบความเร็ว
- ออกตัวแรงแม้อยู่บนเนิน
- ตอบสนองดี
- เปลี่ยนเกียร์ราบรื่น
- ลดการสูญเสียของการส่งถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์ เพื่อกำลังของรถที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
SKYACTIV-MT
- เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ที่มีโครงสร้างที่แข็งแรงและใช้งานง่ายกว่าเดิม
- Housing ภูกออกแบบใหม่ให้มีความแข็งแรงคงทนมากกว่าเดิม
- สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล จะมีตัวควบคุมแรงบิด เพื่อคุมคุมความเร็วในการเหยียบคลัช ทำให้การตอบสนองต่อการเหยียบคันเร่งดียิ่งขึ้น
เทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE
- Mazda Radar Cruise Control (MRCC) : ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ พร้อมปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า
- Advanced Smart City Brake Support (Advanced SCBS) : ใช้กล้องหน้าในการตรวจสอบรถยนต์และคนเดินถนน หากระบบตรวจสอบพบว่ามรอตราเสี่ยงที่จะเกิดการชน ระบบจะช่วยทําการเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะด้านหน้าเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ ซึ่งมาพร้อมกับ Smart City Brake Support [Reverse] (SCBS R) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการชนขณะขับถอยหลังด้วยความเร็วต่ำ
- Traffic Sign Recognition (TSR) : ใช้กล้องในการอ่านป้ายจำกัดความเร็ว และป้ายห้ามขับผ่าน
- Adaptive LED Headlights (ALH) : ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ช่วยปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระจากกันทั้งซ้าย-ขวา ให้เหมาะสมกับระยะห่าง และตำแหน่งของรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน และช่วยไม่ให้การทํางานของไฟสูงไปรบกวนรถคันอื่น
- All-new CX-5 ก็ยังยกเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีอยู่แล้วมาใส่ไว้เหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็น Blind Spot Monitoring (BSM) พร้อมด้วย Rear Cross Traffic Alert (RCTA), Smart Brake Support (SBS), Lane-keep Assist System (LAS), Lane Departure Warning System (LDWS), Driver Attention Alert (DAA), Emergency Stop Signal (ESS), Hill Launch Assist (HLA), และระบบเบรค ABS พร้อมด้วย EBD (Electronic Brakeforce Distribution), EBA (Emergency Brake Assist), DSC (Dynamic Stability Control) and TCS (Traction Control System)