นายดานิเล่ สกิลาชี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การขายและตลาดระดับโลก บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดวิสัยทัศน์ของนิสสัน ในการทยอยเพิ่มเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ภายใต้นวัตกรรมเคลื่อนที่อัจฉริยะ หรือ Nissan Intelligent Mobility เข้าไปในรถยนต์นิสสันรุ่นปัจจุบันและรถยนต์รุ่นใหม่ๆ สำหรับ ตลาดภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียเพื่อให้ลูกค้าทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารเข้าถึงเทคโนโลยีสุดล้ำของนิสสัน อันจะเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ กับเทคโนโลยีความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่เหนือชั้น หรือ Intelligent Driving อาทิ กล้องมองรอบทิศทาง ระบบช่วยเบรคฉุกเฉิน และเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสุดล้ำที่ให้สมรรถนะเป็นเยี่ยม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Intelligent Power เช่นระบบ Hybrid แบบคลัชท์คู่ (Dual-clutch Control), ระบบ Series Hybrid, ระบบ e-Power, และรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงเทคโนโลยีระบบเชื่อมต่อสุดล้ำ เพื่อให้คนและรถอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนและมีคุณค่าเหนือกว่า หรือที่เรียกว่า Intelligent Integration ดังเช่นที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้นำพลังงานไฟฟ้าจาก Nissan LEAF ไปใช้ที่บ้าน
ความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำเพื่อการขับขี่อย่างมั่นใจและเร้าใจ สำหรับลูกค้าในปัจจุบันและอนาคต ภายใต้นวัตกรรมเคลื่อนที่อัจฉริยะ Nissan Intelligent Mobility นั้น เป็นผลมาจากการประกาศวิสัยทัศน์สู่ความยั่งยืนของนิสสัน ในการมีส่วนร่วมลดมลพิษโลกให้เป็นศูนย์และลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ โดยนิสสันยังก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งในการพัฒนาให้รถยนต์มีความปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเกื้อกูลสังคมได้ อันนำไปสู่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Autonomous Drive Technology ซึ่งนิสสันตั้งชื่อระบบนี้ว่า ProPilot โดยนิสสัน ได้ทำตาม พันธสัญญาที่ได้ประกาศไว้ คือ เปิดตัวรถยนต์ขับอัตโนมัติ ProPilot ในรถยนต์นิสสัน Serena สำหรับขับบน ไฮเวย์ ช่องทางเดินรถทางเดียว หรือ Single Lane ในประเทศญี่ปุ่น ในปี 2559 โดยในปี 2561 นิสสันจะแนะนำระบบขับอัตโนมัติ สำหรับช่องทางเดินรถหลายช่องทาง โดยรถสามารถเปลี่ยนเลนได้โดยอัตโนมัติ และในปี 2563 จะพัฒนาให้สามารถใช้ในชุมชนผ่านสี่แยกได้ ทั้งนี้ นิสสันตั้งเป้าที่จะนำระบบ ProPilot ติดตั้ง ในรถยนต์รุ่นต่างๆ รวม 10 รุ่น สำหรับตลาดในประเทศญี่ปุ่น จีน ยุโรปและสหรัฐอเมริกา
“ส่วนภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญเช่นกัน นิสสันจะทยอยนำเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งที่มีอยู่แล้ว และเป็นเทคโนโลยีใหม่ ไปเพิ่มในรถรุ่นต่างๆ รวมถึงรถรุ่นใหม่ เช่น Nissan Note ที่นิสสันมีแผนเปิดตัวในภูมิภาคนี้ รวมถึงประเทศไทย”
ทั้งนี้ นายยูตากะ ซานาดะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด กล่าวถึง ความสำคัญของนิสสัน ในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ว่า จากฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและยาวนานกว่า 50 ปี ในภูมิภาค คลอบคลุม 15 ประเทศ มีพนักงานมากกว่า 11,000 คน มีฐานการผลิต 6 แห่ง มีเครือข่ายผู้จำหน่ายมากกว่า 750 แห่ง มียอดจำหน่ายรวมมากกว่า 270,000 คันในปี 2015 และมีศูนย์วิจัยพัฒนา ยานยนต์ที่ทันสมัยในประเทศไทย นิสสันจึงเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์ที่จะสนับสนุนให้แบรนด์นิสสันแข็งแกร่งและก้าวเป็นแบรนด์ชั้นนำในใจของลูกค้า ด้วยเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าสองหลักขึ้นไปภายใน 5 ปี นับจากนี้ไป คือการให้ความสำคัญกับลูกค้าและกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์
“จากเมกะเทรนด์ ที่ประชากรในภูมิภาคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหาจราจรและสังคมเข้าสู่สังคมสูงอายุ ผู้คนห่วงเรื่องความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นิสสันจึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ผลิตและจำหน่ายในภูมิภาคนี้ ให้มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเคลื่อนที่อัจฉริยะ” Intelligent Mobility อันจะทำให้รถรุ่นปัจจุบัน ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในเรื่องความสะดวกสบาย ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม รวมถึงตอบสนองชีวิตทันสมัยที่ต้องการเชื่อมต่อกับสังคม”
นายซานาดะ ยังกล่าวถึง โอกาสในการเติบโตของนิสสันว่ายังมีอีกมาก จากความต้องการยานยนต์ในตลาดใหม่ๆ ที่กำลังเติบโตอย่างในกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม หรือประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นกุญแจสำคัญที่จะสร้างการเติบโต ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกของรถยนต์นิสสันไปกว่า 110 ประเทศ โดยมีความพร้อมทั้งด้านโรงงานผลิต ศูนย์วิจัยพัฒนายานยนต์ที่ทันสมัย ประสบการณ์ในตลาด องค์ความรู้ และทรัพยากรบุคล อันจะทำให้ไทยมีบทบาทสำคัญต่อทั้งในภูมิภาคนี้และต่อนิสสันโลก รวมถึง นิสสันยังวางบทบาทให้ประเทศไทยเป็นฐานการจัดส่งชิ้นส่วนรถยนต์ไปภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกเช่นกัน
“นิสสันมุ่งมั่นที่จะลงทุนในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย ที่เป็นจุดสัมผัสลูกค้าให้มีประสิทธิภาพ นิสสันยังเล็งที่จะใช้ประโยชน์สูงสุดจากการที่พันธมิตรเรโนลต์ – นิสสัน ได้ต้อนรับ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เป็นเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือทางกลยุทธ์ร่วมกันในอนาคต เช่น ความร่วมมือด้านการจัดซื้อ ความร่วมมือด้านการผลิต การจัดหาวัสดุ ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมยานยนต์ ซึ่งนิสสันประเทศไทย และนิสสันอินโดนีเซีย จะได้ประโยชน์จากความร่วมมือนี้ โดยเฉพาะในด้านการบริหารต้นทุนและการแข่งขัน”