บีเอ็มดับเบิลยู เป็นรถที่มีชื่อ มีกลิ่นของความสปอร์ต อยู่เต็มตัว เรียกว่าเป็น DNA ที่สำคัญในการเข้าถึงใจกลุ่มลูกค้า แต่ถ้ายังรู้สึกว่ารถทั่วๆไปในรูปแบบซีดาน ยังให้อารมณ์สปอร์ตไม่เพียงพอ บีเอ็มดับเบิลยู ก็ยังมีรถให้เลือกอีกหลายรูปแบบ
[taq_review]
คูเป้ เป็นรถที่เข้ามาเติมเต็ม สำหรับที่ชอบสปอร์ต แต่ไม่ได้ชอบรูปทรงสปอร์ตเต็มตัว หรือว่าก้ำกึ่งว่าชอบสปอร์ต แต่ก็ยังได้ความสะดวก ความสามารถในการใช้งาน เช่น มีพื้นที่สำหรับผู้โดยสาร 4 คน ซึ่งอาจจะไม่ใช่การใช้ประจำ แต่เผื่อเอาไว้ และมีห้องเก็บสัมภาระที่เพียงพอ
และก็ไม่ใช่รถที่เหมาะกับครอบครัวนัก เพราะเชื่อเถอะ รถที่ผู้ใหญ่เห็นสวยๆ แต่เด็กที่ต้องมุดเข้ามุดออก ไม่ค่อยจะพึงใจนัก แม้ว่าการออกแบบนั้นจะพยายามทำให้บานประตูยาวเป็นพิเศษ ซึ่งตรงนี้ต้องระวังเวลาเปิด เพราะมีโอกาสไปโดนรถหรืออะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ข้างๆได้ง่าย
สำหรับคูเป้ ปัจจุบันตลาดหลัก เป็นรถจากยุโรปเป็นหลัก รถจากญี่ปุ่นนั้นไม่นิยมทำตลาด เคยมีเข้ามาบ้างๆ ให้พอได้เห็น แต่ก็น้อย และเลิกราไปแล้ว
ในส่วนของบีเอ็มดับเบิลยูนั้น มีรถในกลุ่มคูเป้ทำตลาดอยู่หลายตัว หลายซีรีส์ด้วยกัน รวมถึงคูเป้ ขนาดกลางคันนี้ 420d คูเป้ เอ็ม สปอร์ต
คูเป้นั้นมีตัวถังที่เตี้ยวกว่ารถซีดานทั่วไป ดังนั้นเมื่อจะเข้าไปนั่งในรถ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับต้องหย่อนตัวหย่อนก้นลงไป และเมื่อนั่งที่เรียบร้อย ก็จะรู้สึกว่ามันต่ำกว่าปกติ มองไปข้างๆ ใกล้ๆ อาจมองเห็นล้อรถสิบล้อไม่เต็มวง แต่ตำแหน่งนั่ง ท่านั่งที่เหมือนต้องเหยียดขาไปข้างหน้าก็ทำให้รู้สึกถึงอารมณ์สปอร์ตได้อย่างน่าประหลาด แม้จะยังไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยซ้ำไป
สำหรับคูเป้ ปัจจุบันตลาดหลัก เป็นรถจากยุโรปเป็นหลัก รถจากญี่ปุ่นนั้นไม่นิยมทำตลาด เคยมีเข้ามาบ้างๆ ให้พอได้เห็น แต่ก็น้อย และเลิกราไปแล้ว
นอกจากนี้การออกแบบที่นั่งยังเน้นการโอบกระชับ ยึดตัวคนไม่ให้ไหลไปมา บวกกับการออกแบบที่คงเอกลักษณ์ คือ คอนโซลโน้มเข้าหาผู้ขับขี่ และล้อมกระชับทั้งด้านหน้า และด้านข้าง ก็ยิ่งทำให้รู้สึกความเป็นหนึ่งเดียวของคนกับรถ และความพร้อมที่จะโจนทะยานไปจ่างหน้า
และอย่างที่บอกครับว่า บานประตูค่อนข้างยาว ดังนั้นเสาบี จึงหนีไปอยู่ด้านหลังมากกว่าปกติ
แต่ไม่มีปัญหาเมื่อจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัย เพราะมันมีแขนที่ดันเข็มขัดมาให้เราหยิบได้สะดวก และสิ่งที่ได้มาเพิ่มก็คือ ความรู้สึกโปร่งโล่งด้างข้างที่เข้ามาชดเชยในส่วนอื่นๆ
ด้านเบาะหลัง ดูไม่ใหญ่นัก แต่ผู้ใหญ่นั่งได้ พื้นแข็งหน่อย แต่ไม่มีผลต่อความเมื่อยล้า และค่อนข้างจะให้ความรู้สึกโอบกระชับเช่นกัน
สำหรับภาพรวมของการออกแบบใน ก็ยังคงเอกลักษณ์ของบีเอ็มบีเอ็มดับเบิลยูเอาไว้ชัดเจน ทั้งคอนโซลที่โอบล้อมลำตัว ปุ่มควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ หรือ ไอ-ไดรฟ์ อยู่ใกล้ๆกับสวิทช์เลือกระบบขับขี่ คือ อีโค โปร, คอมฟอร์ต, สปอร์ต หรือว่า สปอร์ตพลัส จอแสดงผลแบบลอยตัวกลางคอนโซลหน้า
สำหรับโหมดการขับขี่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เช่น อีโค โปร ถ้าอยากได้ประหยัดก็ใช้ แต่สำหรับผมก็เลือกใช้ในช่วงขับขี่ในเมือง รถหนาแน่น จะเอาการตอบสนองของเครื่องยนต์แบบร้อนแรงไปก็เปล่าประโยชน์ ใช้อีโค โปร และนั่งดูตัวเลขระยะทางที่เพิ่มขึ้นแก้เหงาช่วงรถติดยังดีกว่า
โหมดนี้ระบบจะควบคุมหมดไม่ว่าจะเป็การตอบสนองของคันเร่ง อัตราทดเกียร์ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ ระบบปรับอากาศซึ่งจะลดความฉ่ำลงไปบ้างเพื่อให้ประหยัดเพิ่มขึ้น
ซึ่งเกี่ยวกับความประหยัดในการใช้งานก็ยังมีระบบติดเครื่อง-ดับเครื่องอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่ชอบใจจะปิดระบบก็ได้
แต่ถ้าเลือกสปอร์ต ก็คล้ายๆจะตรงข้าม คือ ระบบสั่งการให้การตอบสนองคันเร่งรวดเร็ว เกียร์ตอบสนองเร็วขึ้น รวมไปถึงพวงมาลัยที่จะเพิ่มน้ำหนัก รองรับการขับขี่แบบรวดเร็ว
420d เอ็ม สปอร์ต ใช้เครื่องยนต์ดีเซลตัวเก่ง คือ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งหาได้ในรถหลายรุ่น ตั้งแต่ซีรีส์ 1 ถึง ซีรีส์ 5 ตั้งแต่เอ็กซ์ 1 ถึง เอ็กซ์ 3
กำลังสูงสุด 184 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,750 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
และแน่นอน เครื่องยนต์ตัวนี้ เป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญ จากการตอบสนองที่ดี อัตราเร่งเรียกได้จากแรงบิดสูงในรอบต่ำ ทำให้มีความคล่องตัวสูง เรียกกำลังได้ตั้งแต่ช่วงความเร็วต่ำถึงความเร็วสูง เรียกว่ามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มออกตัวไปจนถึง 180 กม./ชม. ทำได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีจังหวะสะดุด และก็คงจะไปได้สูงกว่านี้แบบลื่นไหลเช่นกัน ถ้าหากว่าเส้นทางจะเอื้ออำนวยมากกว่านี้
420d เอ็ม สปอร์ต ใช้เครื่องยนต์ดีเซลตัวเก่ง คือ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งหาได้ในรถหลายรุ่น ตั้งแต่ซีรีส์ 1 ถึง ซีรีส์ 5 ตั้งแต่เอ็กซ์ 1 ถึง เอ็กซ์ 3
การตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ดี ส่วนหนึ่งก็ต้องให้เครดิตกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่มีอัตราทดที่ดี นอกจากจะตอบสนองกับคันเร่งอย่างแข็งขันแล้ว ยังไม่มีอาการสะดุด หรือกระชากให้เสียอารมณ์ และการขับขี่ก็ไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง ซึ่งมีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ผมตั้งไว้ที่ D ตำแหน่งเดียว ก็เที่ยวได้แล้ว
ช่วงล่างเป็นอีกจุดเด่นหนึ่ง มั่นใจได้ในทางตรง สนุกได้ในทางโค้ง หรือแม้แต่การต้องเปลี่ยนเลนไปมาบ่อยๆ เนื่องจากเจอพวกขับช้าแล้วเกะกะบนถนนไม่ถูกที่ถูกเลน ช่วงล่างก็สามารถจัดการกับการเปลี่ยนเลนกะทันหันได้ไม่อยาก รถนิ่ง อาการโยนของตัวถัง หรือที่พูดๆกันว่าย้วย ไม่มี
ไม่เฉพาะถนนแห้ง แต่เมื่อต้องขับในช่วงที่ฝนตก ก็ให้ความมั่นใจได้ครับ
จะว่าไปแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู ก็เด่นในเรื่องช่วงล่างทุกคันอยู่แล้ว แต่คันนี้ เติมอารมณ์เข้าไปมากขึ้น ความกระด้างมีมากขึ้น แต่คนที่ชอบขับแนวสปอร์ต ก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ เพราะยอมที่จะเอาความนุ่มทิ้งไป และเอาความหนึบมาแทน
พวงมาลัยมีความแม่นยำสูง มีน้ำหนักดี เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้มากทีเดียว รวมถึงตอนที่ต้องหักหลับรถมอเตอร์ไซค์ที่โผล่ออกมาจากเกาะกลางถนน ที่ไม่ใช่จุดกลับรถแบบไม่ห่วงตัวเอง
แม้ว่ากว่า 500 กม.ของการขับขี่ ส่วนใหญ่จะเลือกใช้โหมดสปอร์ต และความเร็วพอควร แต่เมื่อเหลือบตาดูตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ไม่น่าเชื่อมันอยู่ที่ 14 กม./ลิตร
เห็นอย่างนี้แล้ว น่าจะจัดมาสักคัน