รถกระบะเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร เป็นเรื่องที่หลายคนยังตั้งคำถาม ยังคงคาใจ ว่าเครื่องยนต์เพียงเท่านี้เพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่? คุ้มค่าต่อการใช้งานมากน้อยแค่ไหน?
“อีซูซุ ดีแมคซ์” ในวันนี้ กลายเป็นกระบะที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่สุดในตลาดไปแล้ว เจอคำถาม อีซูซุเองก็ต้อง พาสื่อมวลชนไปหาคำตอบครับ ทริป “เชียงใหม่-ปาย” จึงเกิดขึ้น ต้องบอกว่าเป็นทริปขับรถที่แวะท่องเที่ยวกันตลอดทาง ขึ้นชื่อว่าภาคเหนือแล้ว เรื่องบรรยากาศ และสถานที่ท่องเที่ยวไม่ต้องพูดถึงครับ คลาสสิคและร่วมสมัยแน่นอน
อีซูซุนำสื่อมวลชนกว่า 30 ชีวิตเดินทางกัน 3 วัน 2 คืน ผ่านกว่า 3,000 โค้ง โดยพาหนะ “อีซูซุ ดีแมคซ์” เครื่องยนต์ใหม่ “1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” รุ่น ไฮแลนเดอร์ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ในเส้นทาง “เชียงใหม่ – บ้านรักไทย – ปาย – เชียงใหม่” ระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร ผ่านเส้นทางคดเคี้ยว ลาดชัน โค้งหักศอก พิสูจน์สมรรถนะ และกำลังเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ได้อย่างดี
การเดินทางเริ่มต้นจากโชว์รูมอีซูซุจังหวัดเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่อำเภอแม่แตง บนเส้นทางหลวง 107 แวะรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านข้าวแฝ่ ประเดิมมื้อแรก ณ เมืองเหนือด้วยอาหารพื้นเมือง คือ ข้าวซอยหลากหลายเมนู กับบรรยากาศร้านแบบสบายๆ เสริฟพร้อมกาแฟ ด้วยบรรยากาศ ต้องบอกว่า ดื่มอะไรรสชาดก็ดีตามบรรยากาศไปหมดครับ
จากนั้นขบวน อีซูซุ ดีแมคซ์ รวม 10 คัน เป็นเกียร์ธรรมดาทั้งหมด พร้อมสื่อมวลชนมือขับตัวจริงจากหลายสำนัก มุ่งหน้าสู่บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระหว่างทางต้องเจอทั้งทางโค้งลาดชัน และโค้งหักศอกเป็นระยะ
จนกระทั่งขบวนได้จอดพัก ร้านกาแฟน่ารักๆ อย่าง “Hillside Coffee House” ซึ่งเป็นจุดชมวิวของเมืองปายที่ติดอันดับ 1 ใน 15 วิวสวยทั่วไทย พักกันตรงนี้ ก่อนมุ่งหน้าสู่บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ผ่านทางเขาคดเคี้ยวเกือบ 2,000 โค้ง ทำให้ทุกคนผู้ร่วมทริปได้พิสูจน์ถึงสมรรถนะ “อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” แม้ใช้เครื่องยนต์เพียง 1,900 ซีซี แต่ด้วยกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ในรอบต่ำตั้งแต่ 1,800 รอบต่อนาที ไม่มีทางครับที่จะไปต่อไม่ได้
แต่ก็ต้องมีเชนเกียร์ลงมาช่วยบ้าง เพราะเกียร์ 6 สปีด ในเกียร์ 5 และ 6 เป็นเกียร์โอเวอร์ไดร์ฟ เน้นขับประหยัดเดินทางไกลเรียบๆ ยาวๆ จะใช้งานได้ดี แต่ด้วยแรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่มาในรอบเครื่องที่ต่ำ บวกกับเกียร์ธรรมดาที่ได้สับกันมันมือ ก็ทำให้ดีแมคซ์กลายเป็นกระบะที่ขับสนุกขึ้นมาทันที ในที่สุดพวกเราเดินทางมาได้ถึงบ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้อย่างไร้กังวล
คืนแรกเราพักกันที่ ลีไวน์บ้านรักไทยรีสอร์ท เป็นบ้านดินชั้นเดียวมุงหลังคาด้วยใบตองสไตล์จีน สร้างอยู่บนเขาไล่ระดับท่ามกลางต้นชาที่รายล้อมอย่างงดงาม บรรยากาศดีสุดสุด และในหมู่บ้านรักไทยนี้ประกอบด้วยชุมชนชาวจีนยูนนาน ลูกหลานทหารกองพล 93 ที่เดินทางมากจากตอนใต้ของจีนเมื่อหลาย 10 ปี ก่อน โดยปัจจุบันอาศัยอยู่ร่วมกันกับพี่น้องชาวไทใหญ่และชาวไทยภูเขาเผ่าอื่นๆ
บรรยากาศรอบหมู่บ้านจะมีทะเลสาบขนาดใหญ่ใจกลางหมู่บ้าน และถูกรายล้อมไปด้วยบ้านดินมีร้านค้าของที่ระลึกผลิตภัณฑ์ของชาวเขาให้เลือกสรรมากมาย ตบท้ายมื้อค่ำในคืนแรกด้วยอาหารตำรับจีนยูนนานจานเด็ด อาทิ ขาหมู-หมั่นโถว หมูพันปี ไก่ตุ๋นยาจีน ยำใบชาสด ชาอู่หลง ชาเจียวกู่หลัน ชาดอกเหมย และของอร่อยอีกมากมาย
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ บ้านรักไทยแห่งนี้ สื่อมวลชนบางท่านก็ตื่นเช้าเพื่อรับอากาศที่แสนเย็นสบายด้วยการวิ่งออกกำลังกาย บางท่านก็ขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน พร้อมถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ระหว่างทางอย่างสนุกสนาน
บางท่านก็ออกมานั่งเล่นตรงระเบียงเพื่อชมการเก็บใบชาในบริเวณรีสอร์ท พร้อมรับประทานอาหารเช้าด้วยข้าวต้มหมูสับตุ๋นเห็ดหอม รสชาดกลมกล่อมพร้อมเครื่องเคียงทั้งขิง หอมใหญ่ และผักให้เลือกทานตามความชอบของแต่ละท่าน พร้อมกับซาลาเปาทอดจิ้มนมข้นแสนอร่อย
เมื่อถึงเวลานัดหมาย ขบวนรถอีซูซุ ดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ก็ออกเดินทางกันอีกครั้งมุ่งหน้าสู่ “โกลเด้นปายแอนด์สวีทรีสอร์ท” เพื่อรับประทานอาหารกลางวันเติมพลัง ก่อนที่จะไปทำกิจกรรมแสนสนุกและประทับใจกันที่ “ภูโคลน คันทรีคลับ”
“ภูโคลน คันทรีคลับ” ได้รับการบรรจุไว้ในโครงการ UNSEEN IN THAILAND และ SPA PARADISE เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณค่า และมีประโยชน์ต่อมนุษย์ นั่นคือแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ และบ่อน้ำแร่จากธรรมชาติที่ไหลเป็นลำธาร ที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด และเป็นที่มาของโคลนธรรมชาติที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและผิวพรรณ
โดยโคลน ณ ที่แห่งนี้ จะช่วยดูดซับสารพิษในร่างกาย และช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น หลังจากทำสปาโคลน เป็นสิ่งที่ต้องสัมผัส ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็นเลยครับ 7 ยอดมนุษย์
ขบวนอีซูซุ ก็มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองปาย แหล่งท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศที่สวยงาม แม้บางอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้างโดยเฉพาะเสน่ห์ทางธรรมชาติในอดีต ที่ปัจจุบันถูกรายล้อมไปด้วยรีสอร์ท และร้านกาแฟมากมาย แต่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะการขับรถมาเที่ยวเองแบบนี้ ยิ่งเหมาะสม ใช่ว่ารถยนต์เท่านั้น แต่การขี่มอเตอร์ไซค์มาเมืองปายก็น่าสนใจไม่แพ้กัน จุดหมายปลายทางวันนี้ อยู่ที่ “ภูริปาย รีสอร์ท”
ปิดท้ายมื้อค่ำของคืนนี้ที่ “ร้านขนาด” บริเวณริมแม่น้ำปาย หลังจากรับประทานอาหารแล้ว มีโอกาสเดินเล่นชื่นชมบรรยากาศถนนคนเดินยอดนิยมในอดีตที่ทุกคนกล่าวขานถึงกันหน่อย โดยจะเห็นได้ว่าที่นี่เปิดขายทุกวัน ต่างจากถนนคนเดินอื่นๆ ที่จะเปิดขายสินค้าเฉพาะวันหยุดเท่านั้น จากนั้นต่างก็แยกย้ายเดินทางเข้าที่พัก
วันสุดท้ายของการเดินทาง ขบวนรถ “อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ขับกลับมายังจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมแวะทานอาหารกลางวันกันที่ “ร้านเฮือนเพ็ญ 2” ร้านอาหารพื้นเมืองชาวเหนือที่โด่งดัง ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางที่พวกเราจะเดินทางกันต่อไปเพื่อกราบขอพรจากหลวงพ่อทันใจ ณ วัดพระธาตุดอยคำ
ซึ่งวิธีขอพรจากหลวงพ่อทันใจ คือ จุดธูป 3 ดอก แล้วเอ่ยชื่อ สกุล ที่อยู่ ให้ชัดเจน จากนั้นก็ออธิษฐานขอพรเรื่องที่ต้องการ จบแล้วให้บอกว่า จะมาถวายดอกมะลิ 50 พวงขึ้นไป พร้อมบอกกำหนดเวลาของสิ่งที่ขอให้ชัดเจน จะได้รู้แน่ชัดว่า สิ่งที่เราไปขอพรมานั้นสำเร็จได้ดังใจเราหรือไม่
ตลอด 3 วัน ในการเดินทางทริปนี้ เป็นการท่องเที่ยวที่ได้ขับรถยนต์อย่างอีซูซุ ดีเแม็คซ์ กันอย่างจริงจัง เรื่องไปถึงหรือไม่ ไหวหรือป่าว ก็เป็นคำถามที่ได้คำตอบแล้วครับว่า ไหวอยู่แล้ว เครื่องยนต์กำลังขนาดนี้ แถม รองรับมาตรฐานไอเสียสูงสุด EURO 6 ด้วย เครื่องเล็ก ก็รักษ์โลก เพราะมาตรฐานไอเสียก็ต่ำสุดในบรรดารถกระบะทั้งหมดในตลาด
ทริปนี้ก็เป็นอีกบทพิสูจน์ครับ สำหรับเครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กับการเดินทางที่มากกว่า 3,000 โค้งกับ อีซูซุดีแมคซ์ แม้จะบรรทุกเพียง 500 กิโลกรัม ก็พอจะบอกได้ว่า ท่านที่เอาไปใช้งานจริงโหลดเป็นตันๆ ไม่ต้องห่วงครับ อีซูซุ ทดเกียร์1 มาให้ออกตัว รถไม่มีความเร็ว แต่เมื่อใส่เกียร์2 รถลอยเลยครับ ถนนทุกเส้นในประเทศไทยไปส่งสินค้าถึงจุดหมายทันเวลาแน่นอน