พูดถึงกระบะเมืองไทย ก็ต้อง “อีซูซุ” ครับ อีซูซุยังคงเป็นแบรนด์ปิกอัพที่คนไทยให้ความเชื่อมั่นมาอย่างยาวนาน “ทนทาน ประหยัดน้ำมัน บริการหลังการขายเยี่ยม ราคาขายต่อดี” การันตีได้จากยอดขายที่ไม่ว่าจะทำตลาดมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น ก็ยังคงได้รับความนิยม ซึ่งในปัจจุบัน หน้าที่ในการกวาดยอดขายก็ถูกส่งไม้ต่อมายัง อีซูซุ ดีแมคซ์ ที่มาพร้อมกับขุมพลังรุ่นใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 1.9 ลิตร
[taq_review]
อีซูซุ ดีแมคซ์ เจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวแบบ โมเดลเชนจ์เมื่อปี 2012 ครับ ทำตลาดมาจนครบ 3 ปี ได้ฤกษ์ปรับโฉมเปิดตัวรุ่นใหม่แบบไมเนอร์เชนจ์ในปีนี้ แต่ไม่ใช่แค่การแต่งหน้าทาปาก อีซูซุใจเด็ดยุบเครื่องดีเซล 2.5 ลิตร แล้วส่งเครื่องยนต์ดีเซลบล๊อคใหม่ขนาด 1.9 ลิตร ที่มาพร้อมเทอร์โบ ใช้ชื่อว่า เครื่องยนต์บลูพาวเวอร์
อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ ยังคงใช้พื้นฐานต่างๆ เหมือนในรุ่นเดิม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด ก็คือเครื่องยนต์ขนาด 1.9 ลิตร และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ใหม่ ที่เข้ามาประจำการ แทนเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร หลายคน ทั้งแฟนอีซูซุ และสาวกกระบะปิกอัพเมืองไทย ต่างเกิดเครื่องหมายคำถาม ตั้งข้อสงสัยกันว่า เครื่องเล็กลงแบบนี้ การใช้งานจะสู้เครื่อง 2.5 ลิตร เดิมได้หรือ? แล้วถ้าเทียบกับค่ายอื่นในตลาดที่เครื่องใหญ่กว่า จะสามารถต่อกรได้อย่างไร
ตัวรถภายในภายนอก ก็คงจะผ่านตาคนไทยกันพอสมควรแล้ว ส่วนเรื่องอุปกรณ์ต่างๆภายในรถผมเองก็ได้เขียนรีวิวเล่าให้อ่านกันตั้งแต่ตอนเปิดตัว กดไปอ่านกันที่ลิ้งค์นี้เลยนะจ๊ะ http://www.driveautoblog.com/?p=6486 ในเมื่อหน้ารถก็เห็นกันมาเยอะแล้ว อ๊อฟชั่นก็รีวิวไปแล้ว คราวนี้ผมขอเน้นไปพูดเรื่องการขับขี่ที่ได้ลองทั้งหมด 3 รุ่น ด้วยกัน ก็อย่างที่บอกไป ว่า กระบะอีซูซุ จัดอยู่ในทำเนียบของรถยนต์เจ้าตลาดเมืองไทย แต่ล่ะรุ่นย่อยก็ต่างขายดีพอๆกัน Driveautoblog.com ขอหยิบรุ่นยอดนิยม 3 รุ่น มารีวิวการขับขี่ให้แฟนๆเว็บไซต์ได้อ่านกัน โดย 3 รุ่นที่เลือกมา ได้แก่ Hi-Lander 4 ประตู ,Hi-Lander 2 ประตู และ รุ่น Spacecab ซึ่งอีซูซูดีแม็คซ์ ทั้ง 3 รุ่น ใช้เครื่องยนต์ใหม่ 1.9 ลิตร เช่นเดียวกัน และสำหรับการรีวิวครั้งนี้ ผมขอเน้นไปที่รุ่น Hi-Lander 2 ประตู ครับ เหตุผล ก็เพราะว่า 4 ประตู เห็นกันมาเยอะแล้ว แต่รุ่นนี้ ซึ่งเป็นอีกรุ่นที่คาดว่าขายดีไม่แพ้กัน ผมจึงเลือกรุ่นนี้มาพูดเป็นหลักครับ
ก่อนอื่น เรามาเจาะอุปกรณ์ของอีซูซุ ดีแม็คซ์ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง Hi-Lander 2 ประตู Z DVD ราคาค่าตัว 753,000 บาท
ภายนอกของตัวรถ ทั้งด้านหน้า และด้านท้าย ไม่ได้แตกต่างไปจากรุ่นท๊อปมากนักครับ ไฟหน้า กระจังหน้า ไฟตัดหมอก บันไดข้าง กระจกข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีเดียวกับตัวรถ จุดที่ต่างกัน ก็คือ เสาอากาสแบบธรรมดา ไม่ได้เป็นครีบฉลาม หรือ shark fin ท้ายรถมีกล้องมองหลังติดตั้งที่เปิดฝาท้าย
บานแคบเปิดได้ 90 องศาน้ำหนักประตูเบา เปิดง่าย ภายในโดยรวมเหมือนเดิม เน้นสีดำ เบาะนั่งเป็นเบาะผ้าสีดำ พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงแร็คแอนด์พิเนียน หุ้มหนังเดินได้เย็บ 3 ก้าน จับไม่ถนัดมือเท่าไหร่ ก็เหมือนเดิมครับ อัตรทด 41.1 ไม่มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย แอร์ปรับอากาศแบบธรรมดา เครื่องเสียงเป็น DVD 1 แผ่น พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว 6 ลำโพง กุญแจเป็นแบบกุญแจอิมโมบิไลเซอร์ ไม่มีพุชสตาร์ท
เครื่องยนต์อีซูซุ ดีแม็คซ์ 1.9 ลิตร ใหม่ รหัส RZ4E-TC ให้พละกำลัง 150 แรงม้า ที่ 3,600 ต่อนาที แรงบิด 320 นิวตันเมตรต่อวินาที ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ รุ่นใหม่ครับ
สิ่งที่ห็นได้ชัดเจนคือ เครื่องยนต์ขนาดเล็กลง ทำให้ห้องเครื่องดูหลวมไปทันที การนำเครื่องไซด์เล็กขนาดนี้มาวางลงในรถกระบะอีซูซุ ถึอว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของอีซูซุ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะตอนนี้กระบะจากค่าย อีซูซุ เป็นกระบะที่มีเครื่องยนต์เล็กที่สุดในตลาด คำถามว่าพอการใช้งานหรือไม่ คำถามนี้ตอบได้ทันทีครับว่า “พอ” แต่ถ้าถามว่าสู้ค่ายอื่นได้แค่ไหน ตรงนี้แหละครับ ที่เป็นการบ้านของอีซูซุ เพราะในแง่ยอดขาย ส่วนตัวผมเองก็มองว่า อีซูซุขายได้อยู่แล้วครับ เพราะชื่อเสียงที่มีมายาวนาน บริการหลังการขายก็ดีเยี่ยม ถูกใจคนไทยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็ยังอยากเห็น กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร บลูพาวเวอร์ เหมือนที่ก่อนหน้านี้ เคยเห็นกระบะเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ นั่นแหละครับ ไหนๆก็ทำตลาดแทนที่เครื่องเดิม เพราะก็มีคอกระบะหลายคนที่ตั้งคำถามว่า ทำไม่จึงไม่มีรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ
การทำงานของเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ เสียงเครื่องยนต์เงียบลงกว่าเดิมมากครับ ทั้งเสียงจากภายนอกและที่เล็ดรอดเข้ามาภายในห้องโดยสาร เครื่องยนต์เดินเรียบดีครับ
ในการขับขี่ ผมได้ลองขับ 3 รุ่นด้วยกัน ก็เลยจะอธิบายความรู้สึกเรื่องเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร ไปเลย เพราะไม่แตกต่างกันครับ แต่สิ่งที่ต่างคือช่วงล่าง ตรงนั้น เดี๋ยวผมจะว่ากันไปที่ละคันครับผม
ที่เกียร์ 1 เราสามารถลากรอบได้มากขึ้นกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เดิมนิดหน่อย รู้สึกมีแรงดึงมากขึ้นกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเดิม แต่ไม่ถึงขั้นร้องโอ้ววว! และในขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้รู้สึกดีในการออกตัว เมื่อเทียบกับกระบะในตลาดค่ายคู่แข่ง ที่ต่างก็ใช้เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า ในหัวข้อนี้ ก็พูดได้ว่า มีแรง แต่ไม่พุ่งทยานในการออกตัวที่ เกียร์ 1 เท่าไหร่ แค่ดีกว่าเดิมครับ
เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร ใหม่ ของอีซูซุ มาขับสนุกในเกียร์ 2,3,4 ครับ แรงบิดมาเต็มกำลัง รอบเครื่องยนต์นี่กวาดตามเท้าเลยครับ แต่พอสับลงเกียร์ 5,6 ก็เหลือเพียงพละกำลังที่เอาไว้ใช้ในการเดินทางเท่านั้นครับ ถ้าขับอยู่ที่เกียร์ 6 อยากจะเร่งแซงตบลงเกียร์ 4 เลยครับ เร่งแซงได้ไวหายห่วง โดยทุกรุ่นของอีซูซุ ดีแม็คซ์ ใหม่ มีระบบแนะนำการเปลี่ยนเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมมาให้ พร้อมกับบอกตัวเลขตำแหน่งเกียร์ด้วยครับ ซึ่งในฟอร์ด เรนเจอร์ และมาสด้า บีที-50 โปร ก็มี แต่เป็นเพียงลูกศรชี้ขึ้นเท่านั้น ไม่มีตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์
เครื่องยนต์ใหม่ 1.9 ลิตร ของอีซูซุ ที่มาประจำการแทนเครื่องยนต์เดิม 2.5 ลิตร ให้พละกำลังการตอบสนองที่ดีขึ้นครับ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าดีขึ้นกว่าเดิมมากมาย ในทางกลับกัน แม้เครื่องยนต์จะมีการตอบสนองดีกว่าเดิม แต่ก็รู้สึกได้ว่า เครื่องยนต์มีการเค้นกำลังออกมามากกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร สิ่งที่ดีขึ้น มาจากการดีไซน์ระบบทางเดินไอดีและไอเสียแบบใหม่ รีดพละกำลังของเครื่องยนต์ออกมาให้ขับสนุกมากขึ้นกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเดิมเท่านั้น
อ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะสงสัย ทำไมไม่ค่อยจะเปรียบเทียบการตอบสนองของเครื่องยนต์ กับกระบะค่ายอื่นมากนัก ตอบว่า กระบะอีซูซุในเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเดิมก็ไม่ได้มีพละกำลังมากเท่ากับค่ายอื่นอยู่แล้ว การเปลี่ยนมาใช้เครื่องใหม่ขนาดเล็กลง ควรจะเปรียบเทียบกับเครื่องเดิมของอีซูซุเองจะดีกว่า เพราะกางสเปกดูตัวเลข ก็เป็นรองค่ายอื่น มาลองขับจริง ก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่ายังทำได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมเอง ก็ไม่ได้คิดที่จะมาลบความคิดเห็นกับคนใช้รถอีซูซุ แต่ต้องพูดความจริงที่ผมรู้สึกได้ให้รับทราบกัน แต่การจะเลือกรถยนต์มาใช้สักคัน ปัจจัยแค่สมรรถนะการขับขี่ดีอย่างเดียวก็ไม่ได้หมายความว่าจะตอบโจทย์คนทุกคน ยังมีปัจจัยด้านบริการ ที่ผมได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว ว่าอีซูซุเองก็ทำได้ดี และน่าประทับใจ
เกียร์ธรรมดาลูกใหม่ 6 จังหวะ เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันของกระบะอีซูซุในบ้านเรา ฉะนั้นไม่พูดถึงความรู้สึกในการใช้งาน ก็คงจะไม่ได้ จากตำแหน่ง จะเห็นว่าเกียร์ R ถอยหลัง อยู่ซ้ายสุดหน้าเกียร์ 1 แน่นอนครับ จะถอยหลัง ก็ดันซ้ายสุด ต้องออกแรงหน่อย แล้วดันขึ้นบนเหมือนการเข้าเกียร์ 1 เลยครับ ขอติตรงเกียร์ R ที่ฝืดมากไปครับ แต่ก็เป็นเพราะกลัวจะเข้าเกียร์ผิดวิศกรเลยจูนน้ำหนักมาแบบนี้ ส่วนการเข้าเกียร์อื่น ระยะโยกสั้นกว่าเกียร์ 5 จังหวะในรุ่นเดิมครับ แต่ก็ยังไม่ดีไปกว่าเกียร์ของ Ford Ranger และ Mazda BT-50 Pro
มาถึงการควบคุม ความนิ่ง และการซับแรงกระแทกของช่วงล่างทั้ง 3 รุ่นกันแล้ว เริ่มที่ รุ่นท๊อป Hi-Lander 4 ประตู 1.9 Ddi Z-Pretige ราคาค่าตัว 921,000 บาท จะได้ล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว 6 ก้าน ลวดลาย ผมว่าสวยงามครับ อาจจะดูเรียบๆไปหน่อย แต่ผมว่าลงตัวดีขึ้น ยาง 255/60R18 ความสวยงามก็ต้องแรกกับความสบายที่เสียไปครับ เพราะกระด้างขึ้นกว่ารุ่นเดิมที่เป็นแม็กขนาด 17 นิ้ว ชัดเจน ด้านช่วงล่างการให้ตัวโยนตัว ยังเหมือนเดิมคือยังมีอาการโยนตัว ขับในเมืองหรือเป็นคนขับรถไม่เร็ว ก็อาจจะพอใจครับ แต่ถ้าเป็นคนขับรถเร็ว ชอบสาดโค้ง คงจะวิ่งเข้าร้านช่วงล่างเปลี่ยนโช๊ค เปลี่ยนสปริงกันเป็นแถว
สำหรับรุ่น 2 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง Hi-Lander Z DVD อาการตึงตัง หรือกระด้างจากขนาดยางนั้น ไม่มีครับเมื่อเทียบกับ รุ่น Hi-Lander 4 ประตู ที่เป็นแม็ก 18 นิ้ว ช่วงล่างความนุ่มนวลก็ยังมีอยู่แต่น้อยกว่าในรุ่น 4 ประตู ถ้ามีโหลดบรรทุก น่าจะทำให้สมดุลของตัวรถมีมากขึ้น
มาที่รุ่น Spacecab Z รุ่นนี้ก็ใช้ยางขนาด 215/70R16 ล้อแม็ก 5 ก้าน มองดูเหมือนรูปดาวครับ รุ่นนี้หน้ายางแคบลง ตัวถังเล็กลงมา ความกว้างของฐานล้อเมื่อเทียบกับรุ่นยกสูงต่างกัน 6o มิลลิเมตร ความกว้างของตัวถังต่างจาดรุ่นยกสูงอีก 85 มิลลิเมตร รัศมีลงเลี้ยวก็น้อยตามไปด้วยครับ อยู่ที่ 6.0 เมตร
การเก็บเสียง สองรุ่นข้างบนทำได้ดีกว่าครับ แต่ก็ไม่ได้ต่างกันขนาดที่รับไม่ได้ รุ่นนี้ให้ความรู้สึกกระชับกระเฉงดีครับ เพราะน้ำหนักรถที่เบากว่าครับ แต่ช่วงล่างกระด้างกว่า อย่างชัดเจนครับ
ทั้ง 3 รุ่น ที่ผมได้ลองขับ และประทับใจ คือการเซ็ตระยะและน้ำหนักของคลัทช์ น้ำหนักเบาครับ เข้าเกียร์ง่าย ขับในเมืองรถติดๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะปวดเข่าปวดต้นขา น้ำหนักแป้นเบรคก็สบายเท้าดีครับ รู้สึกเลยว่าดีกว่าเดิม
สรุปภาพรวมอีซูซุ ดีแมคซ์เครื่องยนต์ใหม่ 1.9 ลิตร เทอร์โบ ขับสนุกขึ้น ตอบสนองได้ดีความเดิม พละกำลังแผ่วปลาย ต้องใช้เกียร์กระตุ้นรอบเครื่องยนต์ ถึงจะเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ ในด้านการขับขี่โดยรวมดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมไม่มากนัก แต่ยังเป็นลองคู่แข่งหลายค่ายในตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรี่ยวแรงของเครื่องยนต์ การออกตัว การเข้าเกียร์ ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ต้องออกตัวก่อนว่าผมลองขับแบบไม่ได้บรรทุก พ่อค้าแม่ขายที่เน้นใช้งานขนส่งสินค้า อาจจะลังเล อันนี้ผมว่าต้องตัดสินใจให้ดี
อีกหนึ่งสิ่งที่ดีกว่าคู่แข่งในตลาดหลายค่ายแน่ๆ คือภาษีป้ายรายปีเครื่องยนต์ 1.9 ลิตรที่ถูกกว่าค่ายอื่นหลายสตางค์ บวกกับบริการหลังการขายที่ดีไม่แพ้ใครในประเทศ ตรงนี้ก็ถือเป็นจุดแข็งของรถกระบะค่ายตรีเพชรอีซูซุเซลส์ครับผม