ถ้าถามว่าปีนี้ รถยนต์ประเภทใด น่าสนใจที่สุด ก็น่าจะตอบได้ว่า รถยนต์ในกลุ่ม SUV พื้นฐานกระบะ หรือถ้าเรียกตามโครงสร้างภาษีในประเทศไทยของเรา ก็คือ PPV แล้วถ้าถามว่าในช่วงเวลานี้ รถยนต์ SUV พื้นฐานกระบะรุ่นใดที่เป็นกระแสน่าสนใจที่สุด ก็ตอบได้เลยว่า All New Mitsubishi Pajero Sport หรือ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ คือคำตอบที่ชัดเจน ทั้งกระแสของผู้คนที่พูดถึงตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว จนกระทั้งยอดวิวในยูทูป ที่มีคนเข้าไปค้นหาข้อมูลกันอย่างมากมาย
ในการออกแบบภายนอกของ มิตซูบิชิ ปาเจโร ใหม่ โดยรวม ทำให้เราสะดุดตา ดูสง่างาม มีทั้งความเท่ ความสปอร์ต และความพรีเมียมอยู่ในตัว แสดงให้เห็นถึงการใส่ใจในรายละเอียดของการออกแบบ และที่สำคัญดูมันจะถอดแบบมาจาก GR-HEV รถยนต์คอนเซ็ป ของมิตซูบิชิ ที่เคยเปิดตัวไปไม่กี่ปีที่ผ่านมา
กระจังหน้าของปาเจโรสปอร์ต ใหม่ ถูกออกแบบเด่นชัด หน้ามอง เพิ่มความหรูหราด้วยโครเมี่ยม ตรงกลาง เป็นโลโก้ขนาดใหญ่นูนขึ้นมาชัดเจน ด้านล่างเป็นช่องดักลมเข้าแผงอินเตอร์คูลเลอร์สีดำ แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นใหม่นี้ ก็คือ แถบโครเมี่ยมที่ไล่ลงมาตามแนวโคมไฟหน้า ถึงช่องดักลม และโอบล้อมไปถึงครอบไฟตัดหมอก ซึ่งแถบตรงนี้ เราจะได้เห็นในรถยนต์รุ่นใหม่ๆของทาง มิตซูบิชิ ที่ต้องการ ให้รถยนต์ในเจเนอร์เรชั่นใหม่มีเอกลักษณ์ ของความเป็นมิตซูบิชิ
ไฟหน้า ของปาเจโร สปอร์ต มีการออกแบบให้รับกับกระจังหน้าด้วยโครเมี่ยมที่ออกแบบเป็นเส้นสายที่ต่อกันเข้ามาภายในโคม เรียบง่าย แต่โฉบเฉี่ยว โดดเด่นด้วย ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน แบบ LED Spectrum วางตัวเป็นเส้นแนวยาว ลำแสงที่ออกมาเป็นเส้นเล็ก สวยคม ไฟส่องสว่างเป็นแบบโปรเจคเตอร์เลน Bi-Xenon ลงตัว ไม่มากไม่น้อยเกินไป และกระจกมองข้าง ก็มีไฟเลี้ยวในตัวมาให้
ด้านข้างตัวรถ มีการนำเอาเส้นสายตัวถังคล้ายกับ ไทรทัน ใหม่ มาเพิ่มรายละเอียดให้กับตัวรถด้านข้างด้วย พร้อมโป่งซุ้มล้อ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่ออกแบบได้ลงตัว ทำให้รถดูบึกบึน ทะมัดทะแมง
กระจกด้านข้างที่มีการออกแบบไล่ระดับให้เล็กลงเรื่อยๆจากประตูหน้า ถึงเบาะผู้โดยสารตอนหลังแถวที่สาม รับกับไฟท้ายที่โอบมาเป็นสามเหลี่ยมด้านข้าง ส่วนด้านบนหลังคา ตกแต่งด้วยแร็คหลังคาทำด้วยโลหะ ส่วนปลายหัวท้ายเป็นพลาสติกพ่นสีบรอนซ์เงินเสมือนเป็นชิ้นเดียวกัน
ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ให้แม็กขนาด 18 นิ้ว ในทุกรุ่น แตกต่างกันในรุ่น ท๊อปสุด อย่างรุ่น GT-Premium ขับเคลื่อน 4 ล้อ จะให้แม็กสีทูโทน ดำ-ปัดเงา ส่วนในรุ่น GT และ GLS-LTD จะได้แม็กลายเดียวกัน แต่เป็นสีบรอนซ์ๆเทาๆ ออกแนวสีเมทัลนิดๆ ก็เป็นอีกจุดหนึ่ง ที่ต้องขอชื่นชมทางมิตซูบิชิ ที่ให้ล้อแม็ก 18 นิ้วในทุกรุ่น แต่ก็ขอติ สักนิดนึง คือไหนๆก็ให้ลายเดียวกัน ขนาดเดียวกันแล้ว ก็ขอสีล้อแม็กทูโทนเหมือนกันเลยได้ไหม จะได้สวยเท่ากันทุกรุ่น บันไดข้าง ทำออกมาได้ดี เหมือนงานชิ้นเดียวกัน รับกับซุ้มล้อทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ไม่ขัดตา ตรงนี้ก็น่าชื่นชม
ด้านท้ายของ ปาเจโร สปอร์ต ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เด่นชัด ไม่เหมือนใคร มองแล้วรู้เลยว่า นี่แหละ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นใหม่ ชัดเจนที่สุด คือไฟท้ายที่ช่างกล้าแหวกแนว ด้วยการลากแนวไฟท้ายให้ยาวลงมาขนาดนี้ และยังโอบเป็นรูปสามเหลี่ยมไปยังด้านข้างของตัวรถ ไฟท้ายของปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เป็น LED แบบ Spectrum ส่องสว่างเป็นเส้นสวยงาม
เมื่อมองดูโดยรวมของด้านท้าย ส่วนตัวผมเอง มองว่า มันยังดูไม่ลงตัวเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับด้านหน้า และด้านข้างของตัวรถ แต่ก็ไม่เหมือนใคร จดจำได้ง่าย อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้ ไล่ตั้งแต่ ที่ฉีดน้ำล้างกระจก ถัดลงมาเป็นไฟเบรกดวงที่ 3 กระจกหลังพร้อมระบบไล่ฝา ที่ปัดน้ำฝน ซ้อนกล้องมองหลังไว้บริเวณแถบโครเมี่ยม ด้างล่างสุด เป็นเซนเซอร์ 4 จุด
การออกแบบภายในของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เน้นให้อารมณ์ความเป็น สปอร์ต โดยการใช้โทนสีดำภายในห้องโดยสาร เพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งตามจุดต่างๆ ด้วยวัสดุสีเงิน และโครเมี่ยม
แผงคอนโซลหน้า ใกล้เคียงกับของ มิตซูบิชิ ไทรทัน จุดที่แตกต่างกัน คือ ช่องแอร์สองช่องตรงกลาง และการตกแต่งคอนโซลด้วยขอบโครเมี่ยม ที่ลากยาวมาจนถึง คอลโซลเกียร์
พวงมาลัย เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น 4 ก้าน หุ้มหนังสีดำ เหมือนใน Mitsubishi Outlander PHEV Minor Change ที่ทำตลาดอยู่ในต่างประเทศ ระบบพวงมาลัยเป็นแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาว์เวอร์ผ่อนแรง มีปุ่มปรับเครื่องเสียง รับสาย-วางสายโทรศัพท์ ปุ่มควบคุมระบบครุยซ์ คอนโทรล สามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อม ก้านเปลี่ยนเกียร์ paddle shift แบบไม่หมุนตามพวงมาลัย ติดตั้งอยู่ด้านหลังพวงมาลัย
ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ติดตั้งอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เริ่มตั้งแต่ หน้าปัดเรือนไมล์นอกจากจะบอกความเร็ว และรอบเครื่องยนต์แล้ว บริเวณตรงกลาง ยังมีไฟบอกสถานะต่างๆ พร้อมทั้งไฟบอกตำแหน่งเกียร์ รวมๆแล้วอาจจะดูไม่ล้ำเหมือนของ ฟอร์ด เอเวอร์เรส แต่ก็มองได้ง่าย สบายตา ไม่ยุ่งยาก
นอกจากนั้น ยังมีเครื่องเสียง 2 DIN หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมช่องต่อ USB ถัดมาด้านล่าง เป็นเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ แยกฝั่งซ้าย-ขวา ด้านขวาของพวงมาลัย ก็จะเป็น ตำแหน่งของปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และปุ่มปรับระดับกระจกมองข้าง
คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยสีดำเปียโนแบล็ค ติดตั้งคันเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด คันเกียร์สั่นรูปทรงสปอร์ตทันสมัย พร้อมแถบบอกตำแหน่งเกียร์ ทางด้านขวา ถัดมา ในรุ่น GT-Premiun 4 x 4 จะมีปุ่มหมุนปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในเส้นทางและสถาการณ์ต่างๆ ทางด้านขวาเป็นปุ่มเบรกมือไฟฟ้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่นำมาติดตั้งในรถยนต์ SUV พื้นฐานกระบะ ที่ว่างจำหน่ายภายในประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ในมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ การใช้งานเมื่อจอดรถให้ใช้นิ้วงัดขึ้น จะมีไฟติดขึ้นมา เมื่อต้องการปลดเบรกมือ ให้ใช้นิ้วกดลง ไฟจะดับ หากเผลอลืมปลดเบรกมือ แล้วเดินคันเร่งขับออกไป รถก็จะวิ่งไปแบบมีอาการเหมือน เรายกเบรกมือคาไว้ เหมือนรถทั่วไปนั่นแหละครับ มองลงมาอีกนิด ก็เป็นที่วางแก้ว วางขวดน้ำได้สองขวด
เบาะที่นั่งแถวหน้า เป็นเบาะหนังสังเคราะห์สีดำ ผิวสัมผัสนุ่มนวล ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง ในเบาะนั่งคู่หน้า ( ในรุ่น GLS-LTD จะเป็นเบาะผ้า ปรับเบาะด้วยมือ)
เรื่องของเบาะนั่งตอนหน้า ก็เป็นจุดที่ผมประทับใจ เพราะแม้จะเป็นเบาะหนัง แต่เมื่อเป็นเบาะหนังที่นุ่ม และโอบกระชับแผ่นหลัง ก็ทำให้นั่งสบายมากๆ ถ้าคุณเคยนั่งเบาะหนังของรถกระบะ หรือรถเก๋งเล็กๆ อย่างรถบี-เซกเมนต์ หรือแม้แต่ รถยนต์นั่ง ในกลุ่ม ดี-เซกเมนต์ ในบ้านเราก็เถอะ ผมชอบนั่งเบาะของ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นใหม่ มากกว่า แต่ขอติดไว้ก่อนหนึ่งเรื่อง คือการนั่งขับทางไกล ว่าจะมีอาการเมื่อยล้ามากน้อยขนาดไหน เป็นคำถามที่ติดค้างกันเอาไว้ก่อน เพราะในครั้งนี้ ที่ได้มาทดสอบ เป็นการขับในสนามปิด ใช้เวลาขับไม่มากครับผม
ต่อกันที่แถวนั่งตอนที่สอง และสาม ผิวสัมผัสก็เช่นเดียวกับเบาะแถวหน้า ขนาดของเบาะ เทียบกับรุ่นเก่า ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมมากนัก มีที่พักแขน พร้อมช่องวางแก้วน้ำมากให้ สามารถพับเบาะได้ 60:40 และมีจุดยึดเบาะเด็กด้วยครับ ในช่วงการทดสอบผมเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้โดยสารในเบาะแถวที่สองก่อน ซึ่งมันไม่รู้สึกประทับใจในเบาะแถวที่สองเท่าที่ควร เพราะเมื่อได้ลองมานั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่ เบาะหน้าสบายกว่า เวลาขับมาเจอทางขรุขระ หรือคอสะพาน ตอนเป็นคนขับบอกได้เลยว่า นุ่มนวลมาก แต่ถ้าคุณเป็นคนนั่งเบาะแถวสอง รู้สึกเหมือนอยู่ในรถยนต์ คนล่ะคัน
ส่วนของเบาะนั่งแถวที่สาม สามารถพับราบไปกับพื้นเพื่อใช้พื้นที่ในการวางสัมภาระเพิ่มเติมได้ การนั่งอาจจะต้องชันเข่าขึ้นมา ซึ่งตัวผมเอง ก็ยังไม่ได้ลองนั่งครับ แต่ที่สังเกตุได้ คือซุ้มล้อ ที่ทำออกมาเป็นที่วางแก้ว และพักแขน ดูค่อนข้างใหญ่ กินพื้นที่มากเกินไป ด้านฝาท้ายใช้ระบบโช๊คอัพ ช่วยในการเปิด
ด้านบนติดตั้ง เครื่องเล่นดีวีดี จอภาพ Wide Screen พร้อมรีโมท และหูฟังอินฟราเรด 2 ชุด สำหรับผู้โดยการตอนหลัง สะดวกสบายมากๆ ในกรณีที่เดินทางไกลเป็นครอบครัว ลูกๆที่นั่งเบาะแถวสองอยากจะดูการ์ตูน แต่คุณพ่อ คุณแม่ที่อยู่ด้านหน้า อยากจะฟังเพลง ก็สามารถเปิดแยกกันได้เลย โดยให้ลูกใส่หูฟัง ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็ใช้ลำโพงภายในรถทั้ง 6 ตัว ใส่ใจในรายละเอียดจริงๆครับ สำหรับมิตซูบิชิ ในเรื่องนี้ (มีเฉพาะในรุ่น GT และ GT-Premium เท่านั้นนะครับ)
ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ วางเครื่องยนต์ ไมเวค คลีน ดีเซล รหัส 4N15 ขนาด 2.4 ลิตร ปริมาตรกระบอกสูบ 2,442 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัด 15.5:1 กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น และเป็นเครื่องยนต์ ตัวเดียวกันกับที่ประจำการอยู่ในมิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ต่างกันที่ในปาเจโร สปอร์ต จะทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ในรถกระบะดัดแปลงบ้านเรา
ระบบช่วงล่างของ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ยังคงใช้ระบบช่วงล่างแบบเดิม ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ดับเบิ้ลวิชโบน พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลัง เป็นคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง แต่เพิ่มเติมด้วยระบบทรีลิงค์ ทอร์คอาร์ม จุดที่ชัดเจนที่สุด เมื่อก้มลงไปก็จะเห็นคานเหล็ก วางตัวแนวขวางจากฝั่งซ้ายถึงฝั่งขวา ช่วยในเรื่องของการเข้าโค้ง ทำให้รถนิ่งขึ้นกว่าเดิม
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ มิตซูบิชิ จัดให้เราไปทดสอบกันในระยะเวลาสั่นๆ ที่สนามทดสอบรถของมิตซูบิชิ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีการแบ่งการทดสอบออกเป็น 3 สเตชั่น หลักๆแล้ว ในการมาทดลองขับ ปาเจโร สปอร์ต ในครั้งนี้ มิตซูบิชิ คงจะอยากให้ สื่อมวลชนได้ทราบถึงเทคโนโลยีที่มีอยู่ใน รถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ว่ามีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง ซึ่งผมเองก็ไม่สามารถพูดถึงเรื่องสมรรถนะของตัวรถได้เต็มที่มากนัก เนื่องจากเป็นการขับที่จำกัด ในสนามปิด ความเร็วสูงสุด ทำได้แค่ 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เอาเป็นว่า เล่าให้ฟังแล้วกันครับ ว่ามิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นใหม่ กับการขับครั้งแรกของผม ผมรู้สึกอย่างไร
ผมเริ่มการทดสอบในสเตชั่นที่ 2 ก่อน ซึ่งเป็นการจำลองการขับขี่ในพื้นผิวถนน ในสภาพต่างๆ ที่เราจะได้พบเจอในการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ผิวถนนลาดยางเก่าเป็นคลื่นจากการโดนรถบรรทุกหนัก หรือถนนลาดยางมะตอยที่เก่าใช้งานมานานจนหลุดร่อน ฝาท่อ คอสะพาน หรือหมุดลูกแก้วตามริมถนน ตรงนี้ เราได้ลองความนุ่มนวล การดูดซับแรงกระแทก ของช่วงล่าง อย่างที่บอกไปในตอนต้น ว่าผมเอง เริ่มต้นด้วยการเป็นผู้โดยสารแถวที่สอง รู้สึกได้ถึงการโยนตัวของรถ ดีขึ้นกว่ารุ่นเก่า แต่ก็ออกอาการหัวสั่นหัวคลอนอยู่บ้าง เสียงตึงตังจากช่วงล่างเวลากระแทกผิวถนนที่ไม่เสมอกัน มีน้อยมาก
เมื่อขยับมาเป็นผู้ขับ บอกเลยครับ คนล่ะเรื่อง เหมือนรถคนล่ะคัน ทั้งๆที่เป็นเส้นทางเดิมกับตอนที่นั่งโดยสารมา แค่เปลี่ยนตำแหน่ง รู้สึกเลยว่าดีขึ้นกว่าการนั่งแถวสอง ไม่ว่าจะเป็นผิวถนน ฝาท่อ คอสะพาน นั่งที่เบาะตอนหน้า รู้สึกว่าซับแรงดีมาก นุ่มสบาย ไม่หัวสั่น หัวคลอนเหมือนตอนนั่งด้านหลัง
ในสเตชั่นเดียวกัน แต่เป็นการขับในรอบที่สอง คราวนี้มีการปรับมาใช้โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) โดยไม่ต้องหยุดรถ แต่ล้อต้องตั้งตรงนะครับ ซึ่งเมื่อหมุนไปที่ตำแหน่ง 4H จะมีไฟแสดงขึ้นที่หน้าปัดเรือนไมล์ การเข้าปรับโหมด จากการขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ ของจโร สปอร์ต ทำได้ดีมาก ไม่มีสะดุด และน้ำหนักพวงมาลัยก็ไม่ได้รู้สึกหนักขึ้นเลยครับ ทางมิตซูบิชิ ยังให้เราได้ลองการหักเลี้ยวในขณะที่เข้าโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ 4H ปาเจโร สปอร์ต มีรัศมีวงเลี้ยวของแคบสุด อยู่ที่ 5.6 เมตร ทางมิตซูบิชิบอกกับเราว่า แม้จะอยู่ในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ก็ยังสามารถหักพวงมาลัยในรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดได้เท่าเดิมครับ เมื่อได้ลองทดสอบก็ต้องยอมรับ ว่าทำได้จริง และไม่มีอาการฝืนของระบบล้อแต่อย่างใด
ต่อกันที่สเตชั่นที่ 3 ซึ่งเป็นสเตชั่นที่ 2 ของผมในการทดสอบ ในสเตชั่นนี้ จะเป็นการทดสอบการขับขี่ทางโค้ง และทางตรง โดยใช้ปาเจโร สปอร์ต รุ่น GT ขับเคลื่อน 2 ล้อ ฐานการทดสอบ จัดเป็นเส้นทาง วงรีขับคนล่ะ 2 รอบ เป็นถนนทางเรียบลาดยางล้วนๆ ทางมิตซูบิชิ กำหนดให้ขับทางตรงที่ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ช่วงจังหวะเข้าโค้งชะลอความเร็วเหลือประมาณ 60 กิโลเมตร ต่อชั่นโมง ในสนามจะมีป้ายบอกในแต่ล่ะระยะ
ผมเองลองขับตามที่ทางมิตซูบิชิกำหนดมาให้ ทำความเร็วในทางตรงให้ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนถึงโค้ง ก็แตะเบรกชะลอความเร็วลง เข้าโค้งที่ 60 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง แม้ว่าช่วงเข้าโค้งจะเป็น โค้งลงเนิน ก็ไม่ได้ทำให้ผมต้องทำอะไรเพิ่มเติม นอกจากประคองพวงมาลัยอย่างเดียว เพราะรถมีเอนจิ้นเบรค มาช่วย เมื่อถึงกลางโค้งก็เติมคันเร่งออกมาสู่ทางตรงได้สบายๆ หายห่วงครับ
จากการขับในสนามปิด ถนนลาดยางเรียบๆ ความเร็วจำกัด ตัวรถก็นิ่งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ น้ำหนักพวงมาลัยไม่หนักไม่เบาจนเกินไป แต่ความรู้สึกส่วนตัวของผมเอง รู้สึกว่ายังไม่คมพอ
ในรอบที่สอง ขับในเส้นทางเดิม แต่คราวนี้ได้ลองขับโดยใช้การเปลี่ยนเกียร์ด้วย Paddle Shift การเปลี่ยนเกียร์ของ ปาเจโร สปอร์ต ทำได้ดีไม่มีติดขัด เงียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่รอบสูงขึ้นมา และยังสามารถเปลี่ยนเกียร์ ไล่ระดับขึ้นไปได้เลยโดยไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ หรือลดเกียร์ลงมา แต่หากต้องการจะยกเลิกการเปลี่ยนเกียร์ในโหมดนี้ ก็ให้กด Paddle Shift + ด้านขวามือ ค้างไว้ ประมาณ 3 วินาที ตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ที่เรือนไมล์ จะเปลี่ยนมาเป็น D (กดแป้น-ด้านซ้ายไม่ได้นะครับ ต้องกดแป้น + อย่างเดียวถึงจะเปลี่ยนโหมดได้)
ในสเตชั่นสุดท้าย เป็นเรื่องของเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย สำหรับสเตชั่นนี้ สื่อมวลชนมีโอกาสแค่ลองนั่งเพื่อดูการสาธิตเท่านั้น
เริ่มกันที่ระบบแรก เป็นระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา หลักการทำงานก็คือ เวลามีรถยนต์แซงขึ้นมาจากทางด้านข้าง ตัวรถก็จะมีเสียงเตือน พร้อมไฟสัญญาณที่กระจกมองข้าง
ระบบที่สอง เป็นระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว การทำงาน ระบบจะมีเรดาร์ติดอยู่ที่หลังโลโก้มิตซูบิชิ ตรงกระจังหน้าของรถ ทำหน้าที่ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชน รถยนต์หรือวัตถุที่เป็นโลหะ ย้ำว่าโลหะนะครับ ระบบจะทำการเตือนด้วยสัญญาณเสียง และช่วยชะลอความเร็ว พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก และเมื่อความเร็วลดเหลือ 30 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ระบบจะช่วยเบรกอัตโนมัติ แต่นะครับ แต่ถ้าชะลอความเร็วลงมาแล้ว แต่ยังไม่ถึง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ชนนะครับ ถ้าเราไม่เบรกเอง และข้อควรระวัง ระบบนี้จะจับเฉพาะวัตถุโลหะขนาดใหญ่ ในกรณีที่ขวางหน้ารถตรงๆเท่านั้นนะครับ ถ้าเป็นจักรยาน , มอเตอร์ไซค์ หรือวัตถุที่ไม่ใช่โลหะ มีขนาดไม่ใหญ่โตเพียงพอ ระบบไม่ได้รองรับนะครับ
ระบบที่สาม เป็นระบบกล้องมองภาพรอบคัน มีกล้องทั้งหมด 4 ตัว พร้อมเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของตัวรถ โดยภาพจะไปปรากฎขึ้นที่หน้าจอขนาด 7 นิ้ว เพิ่มความปลอดภัยขณะขับรถเข้าที่จอด หรือในจุดที่มีพื้นที่จำกัด
สุดท้าย กับระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยี่ยบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบทำงานโดยใช้คลื่นแม่เหล็ก (อัลตราโซนิกส์) ตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหน้า ในขณะที่เกียร์อยู่ในตำแหน่ง D หรือ R หากเราเผลอเหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์เป็นเวลา 5 วินาที หากยังไม่มีการถอนเท้าออกจากคันเร่ง รถจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ระบบจะทำงานก็ต่อเมื่อตัวรถอยู่ห่างจะวัตถุไม่เกิน 4 เมตร
นี่ก็เป็นทั้งหมด ในการมาทดสอบครั้งนี้ ผมเองก็คงจะยังไม่ได้ฟันธง และให้คะแนน เพราะเป็นการทดสอบแบบมีข้อจำกัด ขอติดค้างกันไว้ก่อนครับผม
สรุปการลองขับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ในสนามปิด กับช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็พอจะบอกได้ว่า เป็นรถที่โดดเด่นนะครับ ถ้าขับอยู่บนถนนใครๆก็ต้องเหลียวมองแน่ๆ อ๊อฟชั่น และเทคโนโลยีที่ให้มา ดูแล้วก็คุ้มค่า เทียบกับราคาค่าตัวที่ถูกกว่าคู่แข่งในรุ่นท๊อป ติดอยู่ที่ มีเครื่องยนต์เพียงขนาดเดียวให้เลือก แต่แรงม้าก็ถือว่าเยอะพอๆกับรถยนต์ที่เครื่องยนต์ใหญ่กว่า
จะแรงมากน้อยแค่ไหน ตรงนี้ก็คงจะต้องได้ลองขับในเส้นทางไกลๆกันอีกครั้ง และสิ่งสำคัญคือการทดสอบในเส้นทางอ๊อฟโรด ถึงตรงนั้น เราน่าจะได้บทสรุปเต็มๆ กับ All New Mitsubishi Pajero Sport