เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว Mercedes-Maybach (เมอร์เซเดส-มายบัค) รถยนต์นั่งระดับหรู ที่มาพร้อมกับความโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ทั้งภายนอก และภายในที่ ล้ำสมัย รวมถึงความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ที่มีมากขึ้นกว่าที่เคย ด้วยความยาวตัวถัง และระยะฐานล้อที่เพิ่มมากขึ้น ห้องโดยสารภายในมีความเงียบมากที่สุดในโลกอีก หวังเจาะกลุ่มผู้บริหาร นักธุรกิจระดับสูง พร้อมเปิดให้จองได้ในราคา 16,900,000 บาท ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการเท่านั้น
นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Mercedes-Maybach นับเป็นค่ายยนตรกรรมหรูลำดับที่ 2 ภายใต้แบรนด์ Mercedes ต่อจาก Mercedes-AMG โดยรุ่นที่ทางบริษัทฯ นำมาเปิดตัวในประเทศไทยนั้น คือรุ่น Mercedes-Maybach S 500 ที่มาพร้อมกับความโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ทั้งภายนอก และภายในที่เลิศหรู ล้ำสมัย ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของแบรนด์ในการมอบ “สิ่งที่ดีที่สุด” และสะท้อนคุณค่าของแบรนด์ทั้งในด้านความหลงใหล (Fascination) และความสมบูรณ์แบบ (Perfection) ให้แก่ลูกค้า โดยรถยนต์รุ่นนี้มีกลุ่มเป้าหมายหลักอยู่ที่กลุ่มผู้(Fascination) และความสมบูรณ์แบบ (Perfection) ให้แก่ลูกค้า โดยรถยนต์รุ่นนี้มีกลุ่มเป้าหมายหลักอยู่ที่กลุ่มผู้คัญ”
นายมาร์ทิน ชูลซ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Mercedes-Maybach S 500 โดดเด่นด้วย ดีไซน์ภายนอก อันหรูหราสง่างาม โดยการคงไว้ซึ่งการออกแบบบริเวณด้านหน้าให้ยังคงความหรูหราแบบ The new S-Class เอาไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับโลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์บนฝากระโปรงลาย 3 แถบเสริมโครเมียม ฝากระโปรงหน้าที่ยาว พร้อม คิ้วโครเมียมตกแต่งบริเวณชายกันชนด้านหน้า กระจกหน้าต่างสีเขียว กรองแสงรอบคัน พร้อมกระจกนิรภัยด้านหลัง, ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System พร้อมฟังก์ชั่น Active Light System, ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก, ปลายท่อไอเสียคู่, ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางรถยนต์แบบ Run-flat tyres และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ขนาดใหญ่ พร้อมปิดท้ายความสมบูรณ์แบบด้วยโลโก้ “Maybach” บนฝากระโปรงหลัง โดย Mercedes-Maybach มาพร้อมกับความยาวตัวรถประมาณ 5,453 มม. (S-Class ยาว 5,246 มม.) ระยะฐานล้อ 3,365 มม. (S-Class ยาว 3,165 มม.) ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
สำหรับ ดีไซน์ภายใน ยังคงเน้นการผสมผสานความหรูหรา ความนุ่มสบายขณะขับขี่ และ ความกว้างขวาง เข้าไว้ด้วยกัน โดยรถยนต์รุ่นนี้ได้รับการตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง nappa แบบ Exclusive Package ตัดเย็บลายเบาะแบบ diamond design, ด้านบนของคอนโซลหน้า และส่วนกลางของแผงประตูหุ้มหนัง nappa, ผ้าหลังคาและแผงบังแดดหน้าหุ้มด้วย DINAMICA microfibre, นาฬิกาแบบอนาล็อก ที่มาพร้อมกับ IWC ดีไซน์ รวมถึงระบบมัลติมีเดียอันล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบ COMAND Online เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และระบบ นำทาง (navigation system) พร้อมรีโมทควบคุมสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, เครื่องเล่นดีวีดีแบบ 6 แผ่น (DVDnappa, ผ้าหลังคาและแผงบังแดดหน้าหุ้มด้วย DINAMICA microfibre, นาฬิกาแบบอนาล็อก ที่มาพร้อมกับ IWC ดีไซน์ รวมถึงระบบมัลติมีเดียอันล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบ COMAND Online เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และระบบ นำทาง (navigation system) พร้อมรีโมทควบคุมสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, เครื่องเล่นดีวีดีแบบ 6 แผ่น (DVD
ห้องโดยสาร มาพร้อมกับเบาะนั่งคู่หน้าและคู่หลัง ริมหน้าต่าง ที่มาพร้อมกับฟังค์ชั่น อุ่นเบาะนั่งและระบายอากาศ พร้อมทั้งสามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ โดยเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าสามารถปรับเลื่อนไปด้านหน้าได้มากกว่าปกติถึง 4 เซนติเมตร และเลื่อนขึ้นด้านบนได้อีก 3.7 เซนติเมตร เบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบ multi-contour ที่มาพร้อมระบบที่นั่งแบบ First Class และโต๊ะทำงานแบบพับได้ รวมถึงการเพิ่มความสบายตลอดการเดินทางให้มากยิ่งขึ้น ด้วยฟังก์ชั่นนวด ENERGIZING สำหรับ
เบาะด้านหลัง ที่ใช้หลักการนวดผ่อนคลายเหมือนการใช้หินร้อน โดยสามารถเลือกโปรแกรมนวดได้ถึง 6 รูปแบบ ได้แก่ Hot Relaxing Massage Back, Hot Relaxing Massage Shoulder, Activating Massage, Classic Massage, Mobilizing Massage และ Workout ที่พร้อมเพิ่มความสบายในการพักผ่อนด้วยรองขาปรับระดับ สำหรับผู้โดยสารด้านหลังซ้าย-ขวา, ตู้เย็นภายในรถยนต์บริเวณที่นั่งด้านหลัง, ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย-ขวา และด้านหลัง ที่สามารถปรับเลื่อนขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า, ฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร,ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC หน้า-หลัง รวมถึงการช่วยเติมเต็ม ทุกบรรยากาศการขับขี่ด้วยไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) ที่มีให้เลือกถึง 7 สี ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ รวมถึงความเข้มอ่อนของแสงได้ 5 ระดับ
นอกจากนี้ Mercedes-Maybach ได้ทำการติดตั้งระบบ active perfuming system ที่มาพร้อมกับ AIR-BALANCE Package โดยระบบจะผลิตกลิ่นหอม และปรับระดับความหอมได้ด้วยตัวคุณเอง ผ่านการใช้น้ำหอมปรับอากาศคุณภาพสูง เพื่อให้ความสดชื่นและความรื่นรมย์มากขึ้น โดยกลิ่นหอมที่ใช้มีให้เลือก 4 กลิ่น ได้แก่ FREESIDE MOOD, NIGHTLIFE MOOD, DOWNTOWN MOOD และ SPORTS MOOD รวมถึงอีก 1 กลิ่นพิเศษสำหรับ Mercedes-Maybach โดยเฉพาะ อย่างกลิ่น AGARWOOD
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย ของ Mercedes-Maybach ได้ถูกออกแบบให้ทำงานสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยและ ความสะดวกสบายสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system และ PRE-SAFE impulse system, ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง (PRE-SAFE rear system) ที่มาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัยแบบถุงลม เพื่อลดแรงกระแทกเมื่อ เกิดอุบัติเหตุ และหัวล็อคเข็มขัดนิรภัยแบบเรืองแสง, ถุงนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะสำหรับผู้โดยสารทั้ง 4 ตำแหน่ง
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP), ฟังก์ชั่นช่วยการทรงตัวขณะเร่งแซงทางโค้ง (Curve Dynamic Assist), ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind Assist), ระบบช่วยเบรก (Brake Assist – BAS), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Lights), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Acceleration skid control –ASR)
สัญญาณป้องกันการโจรกรรม พร้อมระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในรถ, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบกันสะเทือนแบบอากาศพร้อมระบบควบคุมระดับ (AIRMATIC), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (Tyre pressure monitoring system), ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ฟังก์ชั่นที่ฉีดน้ำกระจกบังลมหน้าติดตั้งบริเวณใบปัดน้ำฝน (MAGIC VISION CONTROL), ระบบช่วยการมองเห็นยามค่ำคืน (Night view assist), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus), ระบบช่วงล่างแบบ MAGIC BODY CONTROL และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง เป็นต้น
Mercedes-Maybach S 500 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 4,663 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 455 แรงม้าที่ 5,250-5,550 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. Mercedes-Maybach S 500
ราคา 16,900,000 บาท ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียด พร้อมสั่งจองรถยนต์ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 31 แห่งทั่วประเทศ