บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ “เอ็มจี” แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศอังกฤษ ได้เปิดตัว MG GS สปอร์ตเอสยูวี รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ พละกำลัง 167 แรงม้า และรถยนต์ MG3 ที่ยังคงความสปอร์ตแต่ที่เพิ่มเติมคือความสนุกอันโดดเด่นยิ่งกว่าเดิม ด้วยการเพิ่มรุ่นย่อย และสีตัวถังทูโทนใหม่ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ลูกค้าทุกท่านสามารถเยี่ยมชมรถยนต์ เอ็มจี ครบทุกรุ่นได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ หรือ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 33 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอ MG GS ใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ สู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 33 โดย MG GS ใหม่นี้ มาพร้อมกับสมรรถนะที่เร้าใจและยังประหยัดน้ำมันที่ดีมากยิ่งขึ้น เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ด้วยราคาจำหน่ายที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการปรับจูนระบบส่งกำลังและระบบช่วงล่างต่างๆ เพื่อรองรับกับเครื่องยนต์ใหม่ เอ็มจี พร้อมยกระดับเซกเมนท์รถอเนกประสงค์ (เอสยูวี) ให้สูงขึ้นด้วยบุคลิกการขับขี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานกับเทคโนโลยีการสื่อสาร อินคาเน็ต ที่ล้ำสมัยเช่นเดิม เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า MG GS เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ จะเป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมของ เอ็มจี ที่ลูกค้าต้องกล่าวถึงด้วยความความชื่นชอบ ความคุ้มค่า และความครบครันที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ MG GS ใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ เกิดจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันของ เอ็มจี ให้เดินหน้ารุกตลาดรถอเนกประสงค์ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเติบโตในระยะยาวตามเป้าหมายสูงสุดของ เอ็มจี ในประเทศไทย
“สปอร์ตเอสยูวี MG GS ใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบนี้ มีขนาดห้องโดยสารที่ใหญ่กว่ารถ ครอสโอเวอร์ (Crossover) ทั่วไป และด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของ สปอร์ตเอสยูวี MG GS ใหม่นี้ ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ารถคันนี้จะเป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมของ เอ็มจี ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยความ คุ้มค่า ครบครัน เหนือกว่าคู่แข่งอย่างแน่นอน” นายพงษ์ศักดิ์กล่าวเพิ่มเติม
MG GS ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ TGI-TECH ระบบหัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น 167 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,700 – 4,400 รอบต่อนาที รองรับเชื้อเพลิง E85 มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่เชื่อมั่นได้ในทุกเส้นทางเช่นเดียวกันกับ MG GS รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ รวมถึงระบบอินคาเน็ต การเชื่อมต่อสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์เอกสิทธิ์เฉพาะของ เอ็มจี เพียบพร้อมฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสบายที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น กับราคาเริ่มต้นที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นเพียง 890,000 บาท ในรุ่น 1.5 D และ 990,000 บาท ในรุ่น 1.5 X
นอกจาก MG GS ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ภายในบูธของ เอ็มจี ยังมีการจัดแสดง MG3 รุ่นย่อยใหม่ ที่ยังคงแนวคิด Brit Dynamic และแฝงไว้ซึ่งความสนุกสนานและน่าตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้พบเห็นไปกับธีม “Hello Fun” โดยในครั้งนี้ได้เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ รุ่น V ที่ราคา 579,000 บาท เพิ่มเติมจากรุ่น C รุ่น D และ รุ่น X ที่มีอยู่ ด้วยการอัพความ FUN ให้มันส์ ยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย สปอยเลอร์หลังที่โฉบเฉี่ยว สเกิร์ตข้างสีทูโทน และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว และโดดเด่นสะดุดตาด้วยสีทูโทนใหม่เน้นความสดใสสไตล์ชีวิตในเมือง ได้แก่คู่สี Ruby Red – Black Top ในรุ่น V และ Tudor Yellow – White Top ในรุ่น X และ D ทั้งหมดนี้คือเอกลักษณ์ที่สร้างสรรค์โดย ศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์รถยนต์เอ็มจี UK Technical Center ประเทศอังกฤษ จึงส่งผลให้ MG3 เป็นรถยนต์ที่พร้อมสะกดทุกสายตาบนท้องถนน
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว ความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าคือสิ่งที่ เอ็มจี ให้ความสำคัญสูงสุดมาโดยตลอดด้วยบริการ แพสชั่น เซอร์วิส แนวคิดการให้บริการที่มอบประโยชน์สูงสุดและประสบการณ์ที่เหนือระดับให้แก่เจ้าของรถยนต์เอ็มจีทุกคัน ประกอบด้วย
ระยะเวลารับประกันสูงสุด 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร ROADSIDE ASSISTANCE รถบริการตรวจเช็คเคลื่อนที่ และ CALL CENTRE 24 ชั่วโมง รวมไปถึง บริการรถสำรองใช้ระหว่างรอซ่อมในกรณีลูกค้านำรถเข้าศูนย์บริการนานเกิน 4 วัน
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถชมและทดลองขับรถยนต์รุ่นต่างๆ ของ เอ็มจี ได้ที่ บูธ A13 งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 หรือไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ได้ตั้งแต่วันที่ 2 – 12 ธันวาคม 2559 วันธรรมดาประตูเปิดตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น. วันหยุดประตูเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 – 22.00 น.