วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
Tiresข่าว

เผยโฉม Michelin Primacy 4 ยางรุ่นใหม่ที่ให้ความปลอดภัยทั้งตอนใหม่และใกล้หมดดอก

มิชลิน ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลก พลิกโฉมตลาดยางรถยนต์ในไทยด้วยการเปิดตัว  มิชลิน ไพรมาซี่ 4 (MICHELIN Primacy 4) ผลิตภัณฑ์ยางรุ่นล่าสุดในตระกูล ไพรมาซี่ ที่รังสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด “อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน1 (Safe When New, Safe When Worn) ซึ่งตอกย้ำคุณสมบัติเด่นในสมรรถนะที่เป็นเยี่ยมทั้งตอนใหม่และใกล้หมดดอก2 อีกทั้งยางรุ่นนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นที่สุดของยางนุ่มเงียบ3 ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มสบายอย่างแท้จริง

เอกชัย คหการบำรุง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C เปิดเผยว่า “สมรรถนะของยางรถยนต์ในการเบรกและการเกาะถนน โดยเฉพาะบนถนนเปียก มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัย ทุกวันนี้ผู้บริโภคชาวไทยเลือกใช้ยางรถยนต์โดยพิจารณาจากคุณสมบัติของยางใหม่แต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่สามารถรู้ถึงสมรรถนะของยางหลังจากใช้งานไปแล้วว่าจะเป็นอย่างไร แต่มิชลินก้าวไปอีกขั้นด้วยการมุ่งมั่นพิสูจน์ให้เห็นว่ายางของเราให้ความปลอดภัยยาวนานแม้จะผ่านการใช้งานจนใกล้หมดดอกก็ตาม”

มิชลินได้มอบหมายให้ บริษัท ทียูวี ไรน์แลนด์ (ประเทศไทยจำกัด ดำเนินการทดสอบระยะเบรกของยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’บนถนนเปียก เปรียบเทียบกับยางชั้นนำแบรนด์อื่น ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก2 ผลลัพธ์ที่ได้น่าประทับใจมาก นั่นคือเมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มยางใหม่ด้วยกัน มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ มีระยะเบรกสั้นกว่ายางแบรนด์อื่นๆ 2.5 เมตร4 และเมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มยางใกล้หมดดอก มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ มีระยะเบรกสั้นกว่ายางแบรนด์อื่นๆ ถึง 5.1 เมตร5  ยิ่งกว่านั้นยังพบว่าเมื่อเทียบกับยางใหม่ของแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ  ยาง มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ ที่ใกล้หมดดอกมีระยะเบรกสั้นกว่ายางใหม่ของแบรนด์อื่นๆ ถึง 1.8 เมตร  หรืออาจกล่าวได้ว่า ยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ ที่ใกล้หมดดอกให้ความปลอดภัยมากกว่ายางใหม่บางรุ่นของแบรนด์อื่นๆ1

ยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ มาพร้อม 2 เทคโนโลยีล้ำหน้าล่าสุดเอกสิทธิ์เฉพาะมิชลินที่ใช้เวลาออกแบบพัฒนานานถึง 3 ปี ได้แก่ เทคโนโลยี EverGrip™ ที่ประกอบด้วย ร่องรีดน้ำแบบใหม่ ที่ออกแบบให้มีพื้นที่ในการรีดน้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ทั้งเมื่อยางใหม่และใกล้หมดดอก เมื่อเทียบกับยางรุ่นก่อนหน้า เพื่อให้สมรรถนะการยึดเกาะถนนเปียกที่ดีเยี่ยมและปลอดภัยแม้เมื่อยางผ่านการใช้งานมานานจนใกล้หมดดอก  และ สูตรผสมเนื้อยางนวัตกรรมล่าสุด ที่ทำให้การยึดเกาะของซิลิก้ากับโพลิเมอร์เข้ากันได้ดีและสม่ำเสมอมากขึ้น ส่งผลให้มีศักยภาพในการยึดเกาะถนนเปียกที่ดีขึ้น…แม้เมื่อยางผ่านการใช้งานจนใกล้หมดดอก และเทคโนโลยี Silent Rib รุ่นสอง ที่ช่วยลดเสียงรบกวนไม่ให้เข้าไปภายในห้องโดยสารด้วยแถบเนื้อยางเสริมระหว่างบล็อกดอกยางแบบเต็มหน้ายาง (Inter-Locking Bands) ซึ่งไม่เพียงช่วยลดเสียงที่เกิดจากการบีบอัดอากาศภายในช่องว่างของบล็อกดอกยาง แต่ยังช่วยให้ดูดซับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น จึงให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สบายตลอดการเดินทาง

ในประเทศไทย ยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ จะเริ่มวางตลาดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ศกนี้เป็นต้นไป โดยมีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 31 ขนาด (ขอบ 15-19 นิ้ว) ซึ่งครอบคลุมการใช้งานร่วมกับรถยนต์ชั้นนำหลายรุ่น อาทิโตโยต้า แคมรี่ (Toyota Camry), ฮอนด้า แอคคอร์ด (Honda Accord), บีเอ็มดับบลิว ซีรี่ส์ 3 และซีรี่ส์ 5 (BMW 3 and 5 Series), เมอร์เซเดส อี-คลาส และ ซี-คลาส (Mercedes E and C Classes) และรถยนต์รุ่นอื่นๆ อีกมากที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายขณะขับขี่  ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยาง มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ ได้ที่เครือข่ายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ไทร์พลัส และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ  คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.michelin.co.th

1 จากผลการทดสอบระยะเบรกซึ่งวิ่งทดสอบในสวนนงนุช จังหวัดชลบุรี บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-32 °C เมื่อเดือนมกราคมและพฤษภาคม 2561 โดยติดตั้งยางมิชลินไพรมาซี่ ขนาด 255/50R17 สี่เส้นใหม่บนรถทดสอบยี่ห้อฮอนด้ารุ่นแอ็คคอร์ดซึ่งขับขี่ด้วยความเร็ว 0 – 80 กม/ชม เปรียบเทียบกับยางมิชลินไพรมาซี่ 4 รุ่นเดียวกันที่ใกล้หมดดอก

คำว่า “ใกล้หมดดอก” ในที่นี้หมายถึง ยางที่มีความลึกร่องดอกยางเหลือ มิลลิเมตร

จากผลการทดสอบเสียงภายในห้องโดยสารรถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็ว 50 – 70 กม/ชม และผลการประเมินความนุ่มสบายที่ความเร็ว 30-50กม/ชม ดำเนินการทดสอบโดย บริษัท ทียูวี ไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามคำขอของมิชลิน

จากผลการทดสอบระยะเบรกตามเงื่อนไขในข้อ 1) เปรียบเทียบระหว่างยางใหม่ของมิชลิน ไพรมาซี่ และยางใหม่ของคู่แข่งชั้นนำ

5 จากผลการทดสอบระยะเบรกตามเงื่อนไขในข้อ 1)  เปรียบเทียบระหว่างยางมิชลิน ไพรมาซี่ ใกล้หมดดอกกับยางของคู่แข่งชั้นนำในสภาพเดียวกัน

ใส่ความเห็น