บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จับมือมาสด้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการเดินทางด้วยรูปแบบคาราวานเพื่อพิสูจน์สมรรถนะรถมาสด้ากับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่น บนเส้นทางสายอารยธรรมอาเซียนในชื่อกิจกรรม “MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN” ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นทั้งในประเทศและในอาเซียน ระยะทางกว่า 4,000 กิโลเมตร พิธีปล่อยคาราวานครั้งยิ่งใหญ่จัดขึ้น ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่มาสด้าได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ครบทุกประเทศในอาเซียน ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง เทคโนโลยีสกายแอคทีฟคือบทพิสูจน์ของเราที่สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานในชีวิตจริงและครองใจลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญมาสด้ากำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคแห่งนี้ โดยวางเป้าหมายการจำหน่ายภายในปี 2020 หรือในอีก 4 ปี ข้างหน้า ประมาณ 150,000 คัน
กลุ่มประเทศอาเซียน คือ ภูมิภาคที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจของมาสด้า เนื่องจากประกอบด้วยประเทศที่กำลังเติบโตมีศักยภาพสูง และเป็นที่จับตามองอย่างยิ่งในเวทีโลก ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 600 ล้านคน และเป็นภูมิภาคที่มีการเติบทางด้านเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงมีทิศทางการเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุดมาสด้าลงหลักปักฐานในการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้อย่างยั่งยืน ทั้งในด้านเงินลงทุนมูลค่ามหาศาล เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ โรงงานผลิตเครื่องยนต์ โรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติ ในประเทศไทย และโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศมาเลเซียและเวียดนาม รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสนับสนุนการจำหน่ายรถยนต์ทั้งในประเทศ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ พม่า ลาว กัมพูชา และบรูไน
MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 5 กรกฎาคม 2559 เพื่อพิสูจน์สมรรถนะรถมาสด้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ประกอบด้วยรถยนต์มาสด้า2, มาสด้า3, มาสด้า ซี-เอ็กซ์ 3 และมาสด้า ซี-เอ็กซ์ 5
พิธีการปล่อยคาราวานสกายแอคทีฟครั้งประวัติศาสตร์จัดขึ้น ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครพนม – ผ่านแขวงคำม่วน ของประเทศลาว – เข้าสู่เมืองวินห์ – ฮานอย – ฮอยอัน – นาตรัง – โฮจิมิน ประเทศเวียดนาม ผ่านเข้าสู่ประเทศกัมพูชา และกลับสู่ประเทศไทยทางจังหวัดตราด รวมเป็นเวลา 9 วัน กับเส้นทางสุดท้าทายกว่า 4,000 กิโลเมตร พร้อมเยี่ยมชมสถานที่อันเป็นประวัติศาสตร์สำคัญของแต่ละประเทศ โดยมีผู้ร่วมเดินทางเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้กว่า 140 คน จาก 5 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์
การเดินทางในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของวงการยานยนต์ไทย ที่ได้รับการตอบรับจากประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียนในการเข้าร่วมพิสูจน์สมรรถนะของรถมาสด้าในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่มาสด้าได้โอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการเปิดประตูประเทศในการต้อนรับประเทศสมาชิก และเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ได้นำร่องการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มตัว พร้อมทั้งเรียนรู้อารยะธรรมแต่ละประเทศ และเผยแพร่อารยธรรมไทยให้แก่สมาชิก โดยมีรถมาสด้าจากประเทศไทยเป็นพาหนะนำไปสู่เส้นทางแห่งประวัติศาสตร์
ในทริปนี้ การขับขี่แบ่งเป็น 3 Stage ผมอยู่ในไม้แรก ขับทั้งหมด 3 วัน จะได้ทดลองขับรถยนต์มาสด้าไม่ซ้ำโมเดล เริ่มด้วย Mazda3 , CX-5 และ CX-3 ตามลำดับ โดยทั้งหมดเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ฉะนั้น จะได้พิสูจน์กันครับว่า อัตราเร่ง แรงบิดและสมรรถนะ จะสามารถตอบโจทย์การใช้งานจริงของคนอาเซียน บนสภาพการจราจรที่หลากหลายได้ดีแค่ไหน?!
ผมอยู่ในรถ หมายเลข 5 ร่วมกับสื่อมวลชนอีกสองท่านคือ พี่ตู่ จากเว็บไซต์และรายการวิทยุ Show Room On Air และคุณกุ้ง (เสื้อฟ้า) หัวหน้าข่าว นสพ. คม ชัด ลึก และยังนั่งตำแหน่ง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย สรยท.
ในวันแรก Day1 ตีธงใจกลางเมือง ผมควบ Mazda3 รุ่นอัพเกรด ออพชั่นปี 2016 เดินทางจาก “กรุงเทพฯ-นครพนม” ราวๆ 760 กม. จ่อข้ามแดนลาวพรุ่งนี้เช้า
ตลอดการเดินทาง วันนี้เจอฝน แดด ครบ ถนนสายขึ้นอีสานดีแล้ว สื่อที่มาจากชาติพวงมาลัยซ้ายคือ ฟิลิปปินส์ ก็ไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้ผมจะย้ายไปขับ CX-5 น่าจะเหมาะกับถนนฝั่งลาว
Mazda3 ขับสนุกเหมือนเคย นั่ง 3 คน พร้อมสัมภาระและเสบียง เร่งแซงไม่ยาก ช่วงขึ้นเขาใช้แมนวลโหมดช่วยได้บ้างทั้งขึ้นและลง ระบบห้ามล้อดี เบาะนั่งแนวสปอร์ต ขับระยะนี้คนหุ่นดีไม่เมื่อยเท่าใด
คาราวานจ่อชายแดน “ไทย-ลาว” เพื่อรอทำเรื่องข้ามแดน แต่ลาวนั้นเป็นแค่ทางผ่าน เป้าหมายของพวกเราคือข้ามไปนอนเมืองวินซ์ ประเทศเวียดนาม