ร่วมติดตามภารกิจ “ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป…บทพิสูจน์ระดับโลก” กับการทดสอบรถที่ไกลและหินที่สุด “กรุงเทพฯ – อิตาลี” ระยะเวลา 45 วัน 2 ทวีป ผ่าน 17 ประเทศ ระยะทางรวม 19,250 เพื่อพิสูจน์สมรรถนะและความทนทางของ Toyota Hilux Revo จากฐานการผลิตประเทศไทย
วันที่ 4 ของการเดินทางไกล คาราวานสื่อมวลชน ล้อหมุนเวลาเดิม 8 โมงเช้า ควบ Toyota Hilux Revo วิ่งทางฝุ่น สลับทางลาดยาง ไต่เขาขึ้นไปที่ความสูง 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล กลางปีเช่นนี้ อากาศ “ตงชวน” ยังคงเย็นสบาย 20 องศาเซลเซียส
เช้านี้พวกเรามาแวะจุดชมวิวสำคัญของเมืองก็คือ “ผืนดินสีแดง” หรือ Red Land เพื่อสัมผัสวิถีชนบทของจีน ที่ทำการเกษตรและปศุสัตว์ ภูมิประเทศเนินดินบริเวณนี้ดินเป็นสีแดง ปกคลุมด้วยแปลงผัก แปลงดอกไม้และทุ่งข้าวสำลี เพื่อชาร์จพลังธรรมชาติก่อนเดินทางไกล
เป้าหมายวันนี้คือเมือง “เฉินตู” ระยะทาง 750 กม.
มื้อเที่ยงเป็นภัตราคารหรูของตงชวน ที่วัตถุดิบมาจากการเพาะปลูกและเพาะเลี้ยงเอง ผสมกับวัตถุดิบท้องถิ่น
ร้านอาหารแห่งนี้เลี้ยงปลาแซลมอนและปลาดุก โดยจะจับเป็นๆ มาปรุงอาหารกันสุดๆ อย่างว่าแหละครับ อยู่ห่างไกลและสูงขนาดนี้ ค่าขนส่งก็คงแพง เลี้ยงเองเลยดีกว่า ส่วนปศุสัตว์อื่นก็ใช้ของท้องถิ่น
เพิ่งมาได้เพียง 100 กม. ฉะนั้นบ่ายโมงพวกเราจึงรีบออกเดินทาง แต่ก็ทำเวลาไม่ได้เลย เพราะต้องผ่านชุมชนร้านตลาด และถนนก็ชำรุ บางเส้นซ่อมแซมและเป็นโคลน ครบรสชาดชีวิตจริงๆ
ขึ้นทางด่วนได้ก็ดันกันไปเรื่อยๆ แต่ความเร็วจะไม่เกิน 120 กม./ชม. เพราะโค้งต่างๆ นั้นไม่รับ และพฤติกรรมนักขับเจ้าถิ่นก็สุดจะคาดเดา หากเกิดอุบัติเหตุก็จะวุ่นวานมาก เพราะรถพวกเรานั้นไม่มีประกันอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นปกติของประกันภัย ที่ไม่คุ้มครองรถนอกประเทศ ไม่มีทั้งแบบซื้อจากไทย หรือมาซื้อในจีน แต่ประกันภัยและชีวิตของบุคคลนั้นมีครับ
วันนี้เราต้องเข้ามณฑลเสฉวน ที่มีคำกล่าวที่ว่า ถ้าหมาเห็นดวงอาทิตย์จะต้องหอน เพราะสภาพภูมิศาสตร์ที่นี่คือ “ฝนแปดแดดสี่” ฟ้าปิดตลอดวันครับ และที่สำคัญมืดเร็วมาก ทำให้ยิ่งขับรถยากไปกันใหญ่
ขับมาได้ไม่ไกลสักราวๆ แค่ 300 กม.ก็ต้องแวะพัก เมื่อเจอกับการปิดทางด่วน เพราะมีดินสไลด์ จากหน้าผาข้างทางที่อุ้มน้ำไว้ ตำรวจแจ้งว่าเป็นชั่วโมง พวกเราก็พักเบรก ก็มีฝนตกด้วยครับ เริ่มมีเค้าลางว่าวันนี้คงไม่ง่าย
ผ่านไปได้ 40 นาที ทางเปิด พวกเราก็กวดเลยครับ รถช่างภาพก็ต้องทำงานด้วย
และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นครับ เมื่อทีมโปรดักชันวิทยุตามหลังมาว่า โดรนสำหรับบินถ่ายภาพตกซอกเขา และเป็นเขาสูงมาก เพราะจุดที่บินนั้นเป็นสะพานข้ามเขา ที่ทะลุออกมาจากอุโมงค์
หลายคนคงคิดว่า ก็ต้องทิ้งใช่ไม๊ครับ แน่นอนว่าทีมงานระดับนี้ไม่เสียดายครับ มีโดรนสำรองหลายตัว แต่ที่ทิ้งไม่ได้คือการ์ดความจำหรือเมมโมรี่กล้อง ทางเลือกเดียวคือหาให้เจอและปีนทางด่วนสูงลิบลงไปเก็บ และพวกเค้าก็ทำจริงๆ ครับ #แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้
จริงๆ เค้าลางร้ายมีตั้งแต่เช้าแล้วแหละครับ เส้นทางนี้โดรนขึ้นบินไม่ได้เลย เพราะมีคลื่นสนามแม่เหล็กรบกวนตลอด แต่จุดที่ตัดสินใจบินนั้น สวยมากจริงๆ ครับ ผู้บังคับโดรนเลยต้องปิดระบบนำทางขึ้นบินแบบแมนวล แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบ ทำให้เครื่องโดรนตก กว่าจะหาเจอก็มืด ก็คงจะได้เปิดดูว่าบินชนกับสายไฟฟ้าแรงสูงหรือนก
ก็เย็นมากแล้ว ได้เวลามื้อค่ำ ระหว่างรอรถโปรดักชันตามมาสมทบอีกกว่า 2 ชม. คาราวาน Hilux Revo จึงบ่ายหน้าลงทางด่วนไปหาภัตราคารนั่ง อาหารมื้อนี้ก็แตกต่างกันไปอีก เพราะเราวิ่งออกมาไกล วัฒนธรรมการกินก็ไม่เหมือนกัน ดีที่ไม่จำเจ แต่ก็จะเป็นเมนูผัดทอดเสียเป็นหลักครับ
ทานข้าวเสร็จ ทีมออกาไนเซอร์ก็มาแจ้งว่า มีข่าวดีและข่าวร้ายจะแจ้ง อยากฟังอะไรก่อน พวกเราซาดิสม์ก็ฟังข่าวร้ายก่อนเลย คือ ทางข้างหน้ามีดินสไลด์ถนนปิด จากมื้อค่ำ ทำให้ต้องวิ่งอ้อมทางด่วน ถ้าไปถึงเฉินตูจะต้องเพิ่มระยะทางมาอีก 200 กม. และเมื่อรวมลงทางด่วนวิ่งเข้าเมืองก็ต้องมี 1,000 กม. แต่นี่เราเพิ่งวิ่งมาได้เพียงราวๆ 300 กม.และก็มืดแล้วด้วย!
อ้อ เกือบลืมข่าวดีไปเลยครับ ข่าวดีคือวันที่ 5 คาราวานจะเลื่อนออกเป็น 9 โมงเช้า ให้ได้พักเพิ่มชั่วโมงนึง แต่ใครจะรู้ว่าคืนนี้จะได้นอนกี่โมง?
ทานมื้อค่ำเสร็จตอน 2 ทุ่มครึ่ง ยังต้องขับอีก 700 กม. สมาชิกแต่ละคนต้องปลุกพลังใจ ไปต่อให้ถึงตงชวน เพราะนอกจากค่าโรงแรมที่จ่ายไปแล้ว ยังมีโปรแกรมแต่ละวันที่แน่นอยู่แล้วรออยู่ ซึ่งวันถัดๆ ไปไม่ได้ต่างจากนี้เลย ใน Stage 1 นี่ส่วนใหญ่ก็อึด หรือเรียกได้ว่ากระบี่มือหนึ่งทั้งสิ้น มีลูกบ้าเต็มตัว
แต่ที่คิดไว้มันก็ไม่ง่าย เพราะสภาพอากาศของเขตมณฑลเสฉวนนั้นแปรปรวนอย่างมาก ฝนตกตลอดทาง ทางด่วนมืดสนิทไม่มีไฟส่องสว่าง จะสว่างให้ได้คลายเครียดก็คือในอุโมงค์ลอดภูเขา
แต่…วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ห่างไกลออกไป อุโมงค์ก็เริ่มไม่มีไฟและสกปรก เรียกได้ว่าโหดร้ายมาก
และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คาราวาน Toyota Hilux Revo จากเมืองไทย ต้องเจอกับพายุฝนและลูกเห็บห่าใหญ่ ระหว่างวิ่งข้ามเทือกเขาช่วงหนึ่ง บนสะพานสูง มีฝนแรง ลมหอบ ทัศนวิสัยแย่มองไม่เห็นท้ายคันหน้า ที่หลบไม่มี เพราะเรากลัวกระจกแตก คลานกันไปจนเข่าด้าน ไม่ให้รถมีความเร็วเกินจนเกิดแรงปะทะกับลูกเห็บ ช่วงนี้ราวๆ 10 นาทีได้ครับ แต่มันเหมือนยาวนานและบีบหัวใจสุดๆ
เวลา 22.22 น. ตามเวลาปักกิ่ง เราแวะเติมน้ำมันดีเซลเต็มถัง ออกาไนเซอร์แจ้งว่ายังเหลืออีก 380 กม. แทบอยากจะขอนอนในปั๊ม เราขับรถกันมาเกิน 12 ชั่วโมงแล้วนะครับ
ทำความเร็วไม่ได้ ฝนตกตลอดทาง และทีมงานก็เริ่มมีการคุยกัน และตัดสินใจ ว่าจะไปไม่ถึง “เฉินตง” เพราะอาจจะมีเช้า โดยเราจะนอนที่เมือง “ยี่บิน” [Yibin] และมีการขอมติสมาชิกคาราวาน แน่นอนว่าเอกฉันท์! ใครร้องไปต่อคงโดนเหยียบ (ฮา)
จะไปนอนยี่บินก็ต้องขับอีกหลักร้อยกิโลเมตรครับ สรุปเลย ถึงโรงแรม ตี2 สุดจริงวันนี้ทั้ง โดรนตก ดินสไลด์ พายุลูกเห็บ ต้นไม้ล้มขวางทาง น้ำท่วมขังทางด่วน และเพื่อนนักขับชาวจีนสุดเขี้ยว
ที่โหดคือ รถบางคัน คนขับมือเดียวเลยครับ บางคันมีคนเปลี่ยน เรียกได้ว่า แก่บนรถ คำว่า โตบนรถ คงใช้กับพวกเราไม่ได้
จบวันด้วยความอ่อนแรง และแอบหวั่นว่า Day5 จะเป็นอย่างไร เพราะรูธเดิมต้องวิ่งถึง 690 กม. แต่เมื่อไปไม่ถึงเฉินตู ก็ต้องเอาระยะนี้ไปบวก คร่าวๆ คือ 800 กม. ครับ รถ Toyota Hilux Revo ไม่มีปัญหาพวกคุณก็รู้ เพราะกว่าจะผลิตออกขายทีม R&D เค้าทดสอบกันนับแสนกิโลเมตร แต่ที่ผมห่วงคือคนขับนี่แหละ หนักทุกวันเลยครับตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ มา
เราจะติดตามสถานการณ์ของพวกเค้าและเธอกันต่อไป ภารกิจไม้หนึ่งคือถนอมรถ ถนอมยาง เพื่อส่งต่อไม้ผลัดไปจบที่ “อิตาลี” ให้จงได้ครับ
[ad name=”HTML-3″]