ค่ายดาวสามแฉกจากสตุทการ์ท “เมอร์เซเดส-เบนซ์” หันมารุกตลาดรถขนาดเล็ก หลังจากประเมินว่าในอนาคตอันใกล้ รถในตลาดตลาดนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อโลกยานยนต์ในอนาคต
[taq_review]
ด้วยข้อจำกัดหรือความเหมาะสมหลายๆอย่าง เช่น ปัญหาจราจรที่หนาแน่นขึ้นทุกวันทั่วโลก เชื้อเพลิงที่ลดน้อยถอยลง ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องมุ่งหาพลังงานทดแทน พลังงานทางเลือก หรืออย่างน้อยแม้จะใช้พลังงานเดิมแต่ต้องลดอัตราการบริโภคลง ดังนั้นคำตอบคือทำอย่างไรให้เครื่องยนต์ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น หรือว่ารถมีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ นั้นประเมินว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความต้องการรถเล็ก หรู จะเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านคันทั่วโลก จากเมื่อ 2-3 ปี ก่อนอยู่ที่ประมาณ 6.5 ล้านคัน
นั่นเป็นที่มาของการสร้างรถเล็กตัวใหม่ขึ้นมา บนพื้นฐานของเอ-แพลตฟอร์ม เริ่มจากรุ่นแรก คือ เอ-คลาส ก่อนจะตามมาด้วย ซีแอลเอ จีแอลเอ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งเป้าผลิตรถเล็กจากแพลตฟอร์มนี้ รวม 5 รุ่นย่อย ที่แตกต่างกันออกไป
และดูเหมือนว่าการเลือกทางเดินใหม่ของค่ายดาวสามแฉกจะมาถูกทาง
อย่างไรก็ตามมีอีกโจทย์หนึ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะต้องทำก็คือ การพยายามขยายตลาดใหม่เสริมตลาดเดิม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มคนที่ชื่นชอบอารมณ์สปอร์ต จากเดิมที่จุดขายหลักคือรถหรูหรา นุ่ม นั่งสบาย
ดังนั้น ระยะหลังจึงได้เห็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ พยายามเติมดีเอ็นเอ สปอร์ต เข้าไปในรถหลายๆรุ่น ไม่เว้นแม้แต่รถเล็กตัวใหม่ด้วยรถกลุ่มพิเศษ เช่น เอเอ็มจี จึงต้องมีต่อท้ายขบวน รวมถึงใน ซีแอลเอ ที่ได้เห็นอย่าง 250 เอเอ็มจี หรือหากยังแรงไม่พอก็ต้องขยับไปที่ “ซีแอลเอ 45 เอเอ็มจี”
เป็นรถนำเข้าจากเยอรมนี เมื่อบวกภาษีต่างๆเสร็จสรรพ มันก็พร้อมอยู่ในครอบครองของผู้ที่ชอบความแรงที่พร้อมควักเงิน 5.99 ล้านบาท
ซีแอลเอ 45 เอเอ็มจี โดยพื้นฐานเป็นรถที่ดูหรูๆ นิ่งๆ แต่เมื่อเป็นเอเอ็มจี ก็จะต้องเสริมเติมแต่งสร้างบุคลิกให้ดุดันยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง เอเอ็มจี รอบคัน กระจังหน้าใหม่ ช่องดักลมขนาดใหญ่ ล้อลายใหม่ เพิ่มความเข้ม และเพิ่มขนาดยาง เป็น 235/35/R19
ท่อไอเสียคู่ แต่เลือกใช้ทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ แทนที่จะใช้แบบกลมที่นิยมกันกว้างขวาง พร้อมกับกลไกการออกแบบภายใน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์
ขณะที่ด้านท้ายส่วนอื่นๆ ไม่ได้หนีไปจากรุ่นพื้นฐานมากนัก โดยเฉพาะไฟท้ายที่เดิมออกแบบให้ดูนุ่มนวล สุภาพ เมื่อต้องเสริมแต่งบุคลิกใหม่เข้าไป รูปทรงบางอย่างเช่น ไฟท้ายอาจจะดูไม่สอดคล้องนัก
ภายในห้องโดยสาร เมอร์เซเดส-เบนซ์ เติมอารมณ์สปอร์ตเข้าไปได้ค่อนข้างดี เรียกว่าสร้างความรู้สึกได้ทันทีเมื่อเปิดประตู
เบาะแบบกึ่งสปอร์ต พนักพิงแบบชิ้นเดียว ไม่ได้แค่ให้ความรู้สึกสปอร์ตเมื่อเห็น แต่ว่าจะมีผลโดยตรงต่อการควบคุมม้า 360 ตัว ที่ซ่อนอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้าที่ยาวพุ่งข้างหน้า เพราะออกแบบให้โอบกระชับ และยังเลือกใช้วัสดุได้ดี ทำจาก หนังผสมผ้า ซึ่งช่วยเพิ่มความกระชับมากขึ้น ไม่ลื่นไหลออกจากตำแหน่งที่นั่ง และเติมลูกเล่นเข้าไปอีกเล็กน้อย กับเข็มขัดนิรภัยที่เป็นสีแดง ให้รู้ว่านี่ไม่ใช่รุ่นธรรมดา และยังเป็นสีที่ล้อไปกับสีเส้นด้ายที่เดินเล่นอยู่บนเบาะนั่งอีกด้วย
เบาะแบบกึ่งสปอร์ต พนักพิงแบบชิ้นเดียว ไม่ได้แค่ให้ความรู้สึกสปอร์ตเมื่อเห็น แต่ว่าจะมีผลโดยตรงต่อการควบคุมม้า 360 ตัว
พวงมาลัยมัลติฟังชั่น จับแล้วให้ความรู้สึกกระชับ เหมาะมือ ขนาดกำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป มาพร้อมดับระบบเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง หรือ แพดเดิล ชิฟต์
คันเกียร์ไม่ได้เป็นก้านหลังพวงมาลัย แต่เลือกใช้เป็นคันเกียร์วางอยู่บนคอนโซลเกียร์แทน มีขนาดเล็กๆสั้นๆ เพราะควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า แต่การอยู่ในตำแหน่งนี้ ทั้งมุมมองและลักษณะการควบคุม น่าจะเหมาะกับอารมณ์สปอร์ตมากกว่า โดยมีตำแหน่งให้เลือก 3 ตำแหน่ง คือ R N D ส่วน เกียร์ P มีปุ่มกดแยกออกมาอยู่ใกล้ๆ กัน วางยเบรกมืออยู่ที่คอนโซลหน้าใต้พวงมาลัย
ใกล้ๆคันเกียร์มีปุ่มควบคุมการทำงานของระบบต่างๆเช่น ปรับอากาศ เนวิเกเตอร์ ระบบความบันเทิงต่างๆ ข้อมูลการขับขี่ ส่วนสวิทช์เลือกระบบการขับขี่ ทั้งประหยัด สปอร์ต หรือว่าแมนนวล (E M S) อยู่ในตำแหน่งคุ้นเคย ติดๆกัน
เบาะนั่ง พวงมาลัย ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบความจำ เพิ่มความสะดวกหากขับขี่มากกว่า 1 คน หรือคนเดียวแต่เปลี่ยนอิริยาบถ เช่น เอนนอน พักหลัง ก็จะได้ไม่ต้องมาคลำหาตำแหน่งที่ถนัดใหม่ให้เสียเวลา
ซีแอลเอ 250 เอเอ็มจี ออกแบบให้แป้นเบรกมีขนาดใหญ่ ซึ่งก็จะมีผลดีต่อการใช้งาน ที่จะมั่นใจได้ว่าเมื่อเบรกฉุกเฉินเพื่อลดความคะนองของม้า 360 ตัว เท้าจะไม่มีหลุดมีลื่นออกจากแป้นเบรก แต่ความใหญ่ ทำให้มันอยู่ค่อนข้างชิดกับคันเร่ง ดังนั้นการเลือกใช้รองเท้าที่เหมาะกับการขับรถจึงดูจะเป็นสิ่งจำเป็น
CLA 250 AMG ออกแบบให้แป้นเบรกมีขนาดใหญ่ ซึ่งก็จะมีผลดีต่อการใช้งาน…แต่ความใหญ่ ทำให้มันอยู่ค่อนข้างชิดกับคันเร่ง ดังนั้นการเลือกใช้รองเท้าที่เหมาะกับการขับรถจึงดูจะเป็นสิ่งจำเป็น
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร มาพร้อมเทอร์โบ ให้กำลังสูง 360 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด สูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่รอบการทำงานที่กว้าง 2,250 -5,000 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ครางเสียงทุ้มต่ำ เมื่อสตาร์ทรถ รอบเดินเบา สำเนียงเชิญชวนให้พิสูจน์สมรรถนะของมัน
แต่เมื่อกดคันเร่งลงไปเพื่อเติมความเร็ว เสียงมันคำรามออกมาชัดเจน สมกับการเป็นรถสปอร์ต และไม่ได้มาแค่เสียง แต่ความปราดเปรียวก็ออกมาทันทีเช่นกัน มันพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อาการหลังติดเบาะเกิดความรู้สึกชัดเจน ขณะที่ระบบควบคุมการทรงตัวต่างๆ ทำงานให้รถไม่มีอาการปัด ไถล หรือล้อฟรี แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนความเร็วกระทันหันก็ตาม
ซีแอลเอ 45 เอเอ็มจี ลัดเลาะไปตามเส้นทางต่างๆที่หลากหลาย ทั้งการจราจรหนาแน่นในกรุงเทพ และการได้ปลดปล่อยพลัง ในต่างจังหวัด ซึ่งก็ได้คำตอบที่ชัดเจนว่ามันตอบสนองได้ดี ไม่ว่าจะเป็นความคล่องตัวในพื้นที่ที่มีผู้ร่วมทางมาก พร้อมที่จะซอกแซกเข้าหาพื้นที่ว่าง จากความแรงของเครื่องยนต์ และขนาดที่กระทัดรัดคล่องตัว ขณะที่เมื่อเจอเส้นทางว่างๆอย่างต่างจังหวัด มันก็แสดงความปราดเปรียวออกมาโดยไม่การอิดเอื้อนแต่อย่างใด
เครื่องยนต์ตอบสนองทุกอย่างที่ต้องการ แต่ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.เพื่อความปลอดภัย แต่เท่านี้ก็เกินพอ และคิดว่าในบ้านเรา คงไม่มีเส้นทางไหนที่เหมาะกับการขับความเร็วระดับนั้น
การเรียกความเร็วทำได้อย่างรวดเร็ว กดเท้าลงไปที่คันเร่งไม่นานนัก เราเห็นเข็มไมล์กวาดขึ้นตามเข็มนาฬิกาอย่างต่อเนื่อง พักเดียวมันขึ้นจ่ออยู่ที่ 200 กม./ชม.และหากเส้นทางยังเหลือพอ ก็คิดว่าการขั้นไปถึงท็อป สปีด ไม่ใช่เรื่องยาก
การขับขี่ที่ความเร็วสูง รถยังมีความนิ่ง การรีดลมทำได้ดี เพราะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของแรงลมปะทะกับช่วงขับขี่ความเร็วอื่นนัก
การตอบสนองของเครื่องยนต์โดดเด่นมากในทุกๆความเร็ว ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่ การตอบสนองมาในทุกย่านความเร็ว จะความเร็วต่ำ ความเร็วสูง โดยที่ไม่ต้องยุ่งกับระบบเกียร์ต่างๆ แต่อย่างใด เลือกใช้ D ตัวเดียว ก็เที่ยวสนุกได้ในทุกเส้นทาง
แม้ว่า ซีแอลเอ 45 เอเอ็มจี จะไม่ได้เกิดมาเป็นสปอร์ตโดยตรง แต่เป็นการแต่งเติม ซีแอลเอ ให้มีบุคลิกใหม่ แต่ก็ถือว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำออกมาได้ดี เครื่องยนต์ดี ช่วงล่างรองรับสมรรถนะเครื่องยนต์ได้เหมาะสม ทางตรงนิ่ง ทางโค้งสนุก ซึ่งน่าจะตอบสนองผู้ชอบรถเล็ก หรูหรา แต่ว่าร้อนแรงครับ
