ถ้าจะมองหารถยนต์ ที่มีหน้าตาเส้นสายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สักคัน หนึ่งในนั้น จะต้องมี Nissan Juke ติดอันดับอยู่ อย่างแน่นอน
[taq_review]
Nissan Juke เปิดตัวครั้งแรกในเมื่อไทย เมื่อปลายปี 2013 และเริ่มส่งมอบกันในช่วงต้นปี 2014 จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ถือว่าทำตลาดในประเทศไทยมาได้ 1 ขวบ พอดี ในปี 2015 Nissan ก็จับเจ้า Juke แต่งหน้าทาปากซะใหม่ เพราะอะไรนั้น? ก็เพราะในตลาดคลาสนี้ ไม่ได้แข่งขันกันเพียงแค่ Nissan Juke และ Ford Ecosport อีกต่อไป แน่นอนว่ามีเพื่อนร่วมตลาดเข้ามาเป็นคู่แข่งแย่งชิงกันอีกหนึ่งค่าย นั่นคือ Honda Hr-v รถยนต์ในตลาดกลุ่มนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มใหม่ในบ้านเรา จำกัดความได้ ก็เรียกว่า B-Segment Crossover ชื่อมันอาจจะเรียกยากไปสักหน่อย ส่วนตัวผมเองก็เลยเรียกให้มันง่ายๆ ก็คือ Mini SUV จับใจความสั่นๆ มันก็คือ การเอารถในกลุ่ม B-Segment (กลุ่มของ Mazda 2, Vios, City ,Fiesta ฯลฯ) มายกสูงขึ้นอีกนิด ให้พอได้ลุยกันหน่อย
New Nissan Juke 2015 หรือ Juke Minor Change เป็นการปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆให้มีความสดใหม่ไฉไลมากขึ้น จะได้แข่งขันกับเพื่อนร่วมตลาดได้อย่างสนุกสนาน ไม่ต้องเสียเวลากันมากมาย เราไปพูดถึง เจ้า Nissan Juke กันเลยครับ
การปรับเปลี่ยนในจุดสำคัญๆ นั่นอยู่ที่ภายนอกของตัวรถ โดยเส้นสายรูปร่าง ยังคงเหมือนเดิม เนื่องจากเป็นการ Minor Change ไม่ใช่การปรับแบบ Model Change หรือเปลี่ยนโฉมทั้งคัน โดย Juke ใหม่ ทำตลาดด้วยกัน 3 รุ่นย่อย คือ 1.6S , 1.6E , และ 1.6V จากเดิมที่มีเพียงแค่ 2 รุ่นย่อยเท่านั้น
โดยคันที่เรานำมาขับทดสอบกันในวันนี้ เป็น ตัว 1.6V ถือเป็น รุ่น top option จุดที่เห็นเด่นชัดที่สุด ก็คงจะเป็นด้านหน้าของตัวรถ กระจังหน้าที่มีการออกแบบให้ชิ้นโครเมี่ยมรูปตัวยู มีขนาดใหญ่ขึ้น ดูแข็งแกร่งและชัดเจนมากกว่าเดิม ส่วนที่สองก็คงจะเป็น การ์ดกันกระแทกด้านล่างที่มีการออกแบบใหม่ มาพร้อมไฟตัดหมอกทรงกลม นอกจากนั้นไฟหน้ายังได้เปลี่ยนเป็นไฟหน้าแบบ projector Bi-xenon พร้อมไฟสูงแบบแยกส่วนในโคมเดียวกัน
อีกหนึ่งจุดที่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ ในตำแหน่งของโคมไฟหรี่บนฝากระโปรง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นอีกส่วนหนึ่งของ Nissan Juke ก็ได้มีการเปลี่ยนเป็นไฟหรี่แบบ LED ในโคมไฟรูปตัว L แบบบูมเมอแรง ใกล้เคียงกับ Nissan 370Z ตัวแรงในตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนไฟเลี้ยวจากเดิมที่เป็นวงรีอยู่ที่ข้างตัวรถ มาเป็นไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้างแนวยาวแบบ LED อีกเช่นกัน
ด้านท้ายรถมีการปรับไฟท้ายให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงอยู่ในรูปทรงเดิม กันชนท้ายติดเซ็นเซอร์ถอยพร้อมกับการ์ดกันกระแทกด้านท้ายแบบใหม่ ที่มาพร้อมกับแผ่นสะท้อนแสงทรงกลม (ของเดิมอยู่ที่ตำแหน่งกันชนท้ายแนวยาว) ส่วนอุปกรณ์ เช่นที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง ไฟเบรกดวงที่ 3 และสปอยเลอร์ด้านหลัง มีอยู่ในตำแหน่ง และรูปแบบเดิม นี่คือภาพรวมภายนอกของ Nissan Juke ใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลง
มาต่อกันที่ภายในห้องโดยสาร เริ่มกันที่บรรยากาศภายในของตัวรถที่ต้องบอกว่า ให้ความรู้สึกโค้งมนไปทุกสัดส่วน และให้อารมณ์ความสปอร์ตด้วยโทนสีดำ มีการตกแต่งด้วยวัสดุสีเทาและสีเงินบ้างเล็กน้อย แต่ที่เป็นจุดเด่นของ Nissan Juke เลยก็คือ การใช้สีแดงสะดุดตาที่คอนโซลเกียร์ และที่แผงสวิตซ์เปิดกระจกข้างประตู ซึ่งจุดเด่นตรงนี้ ไม่ว่าสีภายนอกตัวรถจะเป็นสีอะไรก็ตาม ภายในก็จะเป็นสีแดงตามที่ได้เห็นกันในรูปกันนั่นเอง
Nissan Juke ใหม่ ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย เริ่มกันที่ แผงแดชบอร์ดสีดำ ตรงกลางติดตั้งจอ multifunction touch screen ขนาด 7 นิ้ว ถัดลงมาเป็น แอร์อัตโนมัติ ล้อมกรอบด้วยสีเปียโนแบล็ค
โดยฟังก์ชั่นการทำงานของจอ multifunction ใน Nissan Juke มาพร้อมกับระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ ผ่าน Bluetooth รองรับการเล่นไฟล์เพลงต่างๆ จาก USB , ipod , AUX , Micro SD Card และยังสามารถรับสัญญาณ wifi เพื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เล่น facebook , youtube และอื่นๆได้ เปรียบเสมือนเป็น Tablet กันเลยทีเดียว เพราะตัวจอยังสามารถถอดออกมาจากตัวรถได้อีกด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ จอภาพของเจ้า Nissan Juke ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ด้วยการทำงานร่วมกับกล้องด้านท้ายเพื่อแสดงภาพขณะถอยรถ ทั้งนี้ Nissan Juke ยังมีระบบ EZ-Talk ไว้ทักทายสำหรับผู้คนที่ใช้รถ Nissan Juke ด้วยกัน หรือที่เรียกว่า Juke Club Function ถัดมาทางขวาของจอภาพหลังพวงมาลัยก็ยังติดตั้งปุ่ม Push Start มาให้อีกด้วย
ในส่วนของพวงมาลัย Nissan Juke ใช้พวงมาลัย แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) และปรับหนักเบาตามความเร็วรถ ลักษณะพวงมาลัยเป็นแบบ multifunction 3 ก้าน หุ้มหนังสีดำ มีปุ่มเพิ่มลด ปรับเสียง และ ปุ่ม ยกเลิก-รับสาย โทรศัพท์
ด้านแผงเรือนไมล์ เป็นทรงกลมสองช่อง ด้านซ้ายเป็นวัดรอบเครื่องยนต์ ตรงกลางเป็นจอ multifunction information display บอกอัตราน้ำมันเชื้อเพลิง อุณหภูมิเครื่องยนต์ ตำแหน่งเกียร์ เป็นต้น
เบาะนั่งของผู้โดยสารตอนหลัง ต้องบอกว่า มันดูจะกะทัดรัด และจำกัดพอสมควร ยิ่งภายในห้องโดยสารใช้โทนสีดำ ก็ทำให้ตัวรถมันรู้สึกอึดอัด ด้วยดีไซน์ของหลังคาที่ลาดลงมาด้านท้าย แม้ผมเองจะไม่ใช่คนตัวสูงใหญ่ แต่ก็เหลือพื้นที่ Head room เพียงแค่ประมาณหนึ่งฝ่ามือเห็นจะได้ เรื่องของพื้นที่วางขา ก็มีพื้นที่มาพอให้ได้ใช้งาน แต่ก็ไม่ได้มากมายเหลือเฟือขนาดที่จะทำให้ผู้โดยสารตอนหลัง ฟินไปกับการเดินทาง…
ในส่วนของเบาะนั่ง เป็นเบาะหนังสีดำ เดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง รูปทรงของเบาะคู่หน้าออกแบบมาได้อย่างสวยงาม ปรับตำแหน่งสูงต่ำด้วยมือ เมื่อได้ลองนั่ง ถือว่าให้ความรู้สึกโอบกระชับได้เป็นอย่างดี ติดที่ความสูงของฟองน้ำรองต้นขา ค่อนข้างสูงไปสักนิด ส่งผลให้เวลาขับเดินทางไปสักระยะผมเองก็เกิดอาการเมื่อยล้าขึ้นมาเลยทีเดียว และอีกอย่างก็น่าจะเป็นเพราะพื้นที่วางเท้าด้านซ้ายนั้นคับแคบไปหน่อย เพราะขาของผมเอง จำใจต้องไปเบียดอยู่กับคอนโซลกลางของตัวรถ ถ้าจะต้องขับ Nissan Juke ไปไหนไกลๆ ผมเองก็คงจะต้องหยุดพักเป็นระยะๆ เพื่อยืดเส้นยืดสายกันบ้างละครับ
มากันที่เบาะนั่งของผู้โดยสารตอนหลัง ต้องบอกว่า มันดูจะกะทัดรัด และจำกัดพอสมควร ยิ่งภายในห้องโดยสารใช้โทนสีดำ ก็ทำให้ตัวรถมันรู้สึกอึดอัด ด้วยดีไซน์ของหลังคาที่ลาดลงมาด้านท้าย แม้ผมเองจะไม่ใช่คนตัวสูงใหญ่ แต่ก็เหลือพื้นที่ Head room เพียงแค่ประมาณ 1 ฝ่ามือเห็นจะได้ เรื่องของพื้นที่วางขา ก็มีพื้นที่มาพอให้ได้ใช้งาน แต่ก็ไม่ได้มากมายเหลือเฟือขนาดที่จะทำให้ผู้โดยสารตอนหลัง ฟินไปกับการเดินทาง แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทั้งหมด เพราะตัวเบาะรองนั่งมีพื้นที่รองก้นมากพอสมควร และพนักพิงด้านหลัง ก็ลาดเอียงได้พอเหมาะเลยทีเดียว แถมยังมีหมอนรองต้นคอมาให้สามตำแหน่ง (เอิ่มมม..แม้ว่ามัน…เหมือนจะไม่พอดีกับต้นคอผมเท่าไหร่) เอาเป็นว่า ถ้าใครจะเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด โดยใช้ Nissan Juke ผมแนะนำให้ไปกัน 4 คนก็พอครับ ยิ่งถ้าเพื่อนคุณตัวใหญ่ด้วยแล้ว ผมเตือนไว้เลย มันจะเป็นการทรมานเพื่อนคุณจนเกินไป
ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ถือเป็นอีกจุดหนึ่งของ Nissan Juke ที่อาจจะดูเสียเปรียบคู่แข่งอยู่พอสมควร แต่ทั้งนี้ก็เป็นเพราะข้อจำกัดจากการออกแบบดีไซน์ของตัวรถ จึงทำให้พื้นที่ในการจุสัมภาระมีไม่มากนัก หากจะต้องขนของเยอะๆ ก็คงจะต้องปรับเบาะเป็น 60:40 หรือปรับเบาะนอนลงเป็นพื้นราบดังที่เห็นในภาพครับผม
มาถึงเรื่องเครื่องยนต์และการขับขี่กันบ้างครับ Nissan Juke ติดตั้งเครื่องยนต์ รหัส HR16 ขนาด 1.6 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 116 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 154 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ทำงานผสานกับระบบส่งกำลังแบบ XTRONIC CVT ขนาดยาง 215/55 R17 ล้อ อัลลอย 17 นิ้ว ระบบเบรกด้านหน้า ดิสก์เบรก ด้านหลัง ดรัมเบรก
ประทับใจสุดๆ ในย่านความเร็วสูง 140-150 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง รถก็ยังคงนิ่งอยู่ในระดับที่ดี อัตราเร่งแซงถือว่า พอตัว พอใช้ คันเร่งอาจจะมีอาการหน่วงๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากจนต้องหงุดหงิด
สำหรับการทดลองขับ Nissan Juke ผมเองมีโอกาสได้ลองขับทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยเฉพาะเส้นทางในเมืองยามที่การจราจรพลุกพล่าน ก็ได้ลองสมรรถนะและความคล่องตัวของรถ ซึ้งเจ้า Nissan Juke คันนี้ถือว่าสอบผ่าน ด้วยตัวรถที่มีทัศนวิสัยที่ดีกว่ารถยนต์นั่ง เนื่องจากตัวรถมีความสูงมากกว่ารถยนต์ B-Car ทั่วไป ตรงนี้ทำให้การกะระยะ ทำได้ดีพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับ Ford Ecosport ยังถือว่าเป็นรองอยู่ในเรื่องนี้
พวงมาลัยในการบังคับเลี้ยวไม่เบาจนเกินไป ให้ความมั่นใจได้ดี ควบคุมได้ง่ายโดยเฉพาะในย่านความเร็วสูงในเส้นทางนอกเมือง หรือบนทางด่วน เมื่อใช้ความเร็ว พวงมาลัยก็ยังคงให้ความมั่นใจ และประทับใจสุดๆ ในย่านความเร็วสูง 140-150 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง รถก็ยังคงนิ่งอยู่ในระดับที่ดี อัตราเร่งแซงถือว่า พอตัว พอใช้ คันเร่งอาจจะมีอาการหน่วงๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากจนต้องหงุดหงิด ช่วงล่างด้านหน้าให้ความนุ่มนวลอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจมากๆสำหรับผม ส่วนด้านหลังอาจจะมีอาการดีดดิ้นอยู่บ้างเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้มากมายจนผมรู้สึกว่ามันกระเด้งกระดอน ส่วนที่ผมไม่ชอบเลยจริงๆก็คงจะเป็นน้ำหนักของการเหยียบแป้นเบรก คือมันสู้เท้ามากไปนิดนึง อาจจะต้องออกแรงมากไปสักหน่อย แต่ระยะการเบรก ก็ยังให้ความมั่นใจได้อยู่
สรุปภาพรวมของ Nissan Juke 2015 รุ่น 1.6V ก็ถือได้ว่าเป็นรถยนต์ที่มีรูปทรงสะดุดตาน่ามองไม่น้อย การปรับเปลี่ยนดีไซน์ในอุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งทำให้รถดูมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น Option ที่ให้มาก็ถือว่าครบครัน การขับขี่อยู่ในจุดที่ใช้งานได้คล่องตัวในเมือง และอัตราเร่ง บวกกับการทรงตัวที่ดีในการใช้งานนอกเมือง ก็ถือว่าไม่แพ้ใคร
แต่สำหรับคนที่จะตัดสินใจเป็นเจ้าของ Mini SUV คันนี้ น่าจะเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบความแปลกตาไม่เหมือนใคร เพราะตัวรถ ยังมีจุดด้อยในเรื่องของ พื้นที่โดยสาร และการใช้สอยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ซึ้งแน่นอนว่าคนที่อยากได้ Nissan Juke มาเป็นรถยนต์คู่ใจ ก็คงจะต้องยอมแลกระหว่างพื้นที่ใช้สอยกับดีไซน์ของตัวรถที่โดดเด่น