Tata Xenon อาจจะไม่ใช่รถกระบะที่อยู่ในกระแส หรือมียอดขายพอฟัดพอเหวี่ยง กับค่ายหลักแบรนด์ดังในบ้านเรามากนัก ถึงกระนั้น ตลาดรถปิ๊กอัพในประเทศไทย ก็ยังเป็นตลาดที่ใหญ่พอให้รถยนต์ Tata ได้มีที่ยืน และก็กว้างพอที่ ทาทา ตัดสินใจเพิ่มทางเลือก กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ อย่าง Tata Xenon Double Cab 150N X-Plore 4WD
[taq_review]
ทาทา ซีนอน ดับเบิ้ลแค็บ 150 เอ็น เอ็กซ์-พลอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นรุ่นย่อยล่าสุด ที่ทาทา ผลิตและทำตลาดในประเทศไทย หวังเป็นทางเลือกให้กับคนใช้รถกระบะ ที่ต้องการรถยนต์สักคันไว้ลุยเส้นทางที่ยากลำบาก ไม่ห่วงหล่อ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเพิ่มเติมอุปกรณ์ตกแต่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น ไฮ เทอร์เรน ดับเบิ้ล แค็บ จะเห็นได้ว่ามีหลายจุดที่ตกแต่งเพิ่มเติมเข้ามาในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และนอกจาก ทาทา รุ่น 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมาพร้อมการตกแต่ง และเพิ่มเติมอุปกรณ์แล้ว ยังอัพเกรดเครื่องยนต์ โดยการเพิ่มแรงมาจาก 140 แรงม้า เป็น 150 แรงม้า อีกด้วย
อุปกรณ์ตกแต่งที่เพิ่มเติมเข้ามาใน ทาทา ซีนอน 150 เอ็น เอ็กซ์-พลอร์ ด้านหน้า ติดตั้งสเกิร์ตที่ทำให้รถดูบึกบึนมากขึ้น มาพร้อมกับ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) พร้อมไฟตัดหมอก กระจังหน้าสีดำ ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ด้านบนมีแร็คหลังคาสีดำ
ด้านข้างตัวรถ มีสติ๊กเกอร์ลากยาวตามแนวของประตูทั้ง 4 บาน ด้านล่างเป็นสเกิร์ตสีเดียวกับตัวรถ ท้ายรถมีสติ๊กเกอร์บอกชื่อรุ่น 150N X-Plore 4WD และติดตั้งสปอร์ตบาร์ที่กระบะ มีล้อแม็ก 10 ก้าน ลายใหม่ ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 235/70R16
ฝากระบะท้ายปั๊มตัวอักษร TATA ขนาดใหญ่ มีไฟแบรกดวงที่สาม ที่เปิดฝากระบะท้ายสีเดียวกับตัวรถ และกันชนหลังแนวสปอร์ต มุมขวามีสัญลักษณ์ 4 x 4
ภายในใช้โทนสีดำ ตกแต่งสลับกับสีเทาเงิน มีถุงลมนิรภัยคู่หน้า คอนโซลกลางติดตั้งจอ Touch Screen 2DIN วิทยุ MP3 พร้อมช่อง USB พร้อมระบบนําทาง (Navigation System) ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา มือหมุน พร้อมไล่ฝากระจกหลัง เบาะนั่ง เป็นเบาะผ้าสีดำทูโทนมีลวดลาย พร้อมที่ท้าวแขน คล้ายๆในรถตู้นั่นแหละครับ การใช้งานขับทางไกล เบาะนั่งสบายอยู่ครับ แต่ที่ไม่เป็นมิตรกับผม คือช่วงล่างมากว่า เต้นตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อเจอกับพื้นถนนคอนกรีด ส่วนเบาะแถวสอง จากสัดส่วนของรถที่ไม่ได้ยาวมาก ภายในก็ไม่กว้างขวางอะไรอยู่แล้ว บอกเลยว่า สะเทือนกว่าที่นั่งตอนหน้าครับ แต่อย่าคิดว่าข้างหน้าจะนั่งสบายกว่ามากนะครับ ความสะเทือนน้อยกว่านิดเดียวเท่านั่นเองครับผม
จริงๆแล้วบริษัททาทา เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอุตสาหกรรมระดับโลกนะครับ เพียงแต่การเข้ามาจับธุรกิจรถยนต์ อาจจะดูเป็นค่ายรถยนต์น้องใหม่ ที่กำลังพัฒนาความน่าเชื่อถือ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไปพร้อมๆกัน จะเห็นได้จากการที่ บริษัท ทาทามอเตอร์ ซื้อกิจการรถยนต์ จากัวร์ และแลนด์โรเวอร์ มาไว้ในครอบครองตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งในอนาคต เราน่าจะได้เห็น ทาทา นำเทคโนโลยี และการออกแบบที่โดดเด่นจากค่ายรถยนต์แบรนค์หรู ที่เป็นบริษัทลูกของทาทามอเตอร์ก็เป็นได้
การจัดว่างอุปกรณ์ต่างๆ ยังดูไม่ลงตัว หรืออาจจะเป็นเพราะผมเอง และคนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับรถญี่ปุ่นมากกว่า ยกตัวอย่าง การมี กระปุกนาฬิกาอยู่บนคอนโซล แต่มีช่องอ่านตัวเลขเวลาอยู่นิดเดียว หรืออย่างสวิทช์กระจกไฟฟ้า ที่มากระจุกรวมกันอยู่ที่คอลโซลเกียร์ จะบอกว่าคล้ายๆในรถยนต์ยุโรปบางรุ่นก็ได้ แต่ที่เด็ดสุด เห็นจะเป็นปุ่มปรับโหมดขับเคลื่อน ที่ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่เพิ่งเคยขับ หรือเคยนั่งกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ จากทาทาครั้งแรก จะต้องไม่รู้ว่าจะปรับโหมดการขับเคลื่อนตรงไหน ปุ่มปรับระบบขับเคลื่อนของทาทา เป็นแบบ shift on the fly อยู่ด้านขวามือของผู้ขับขี่ บริเวณคอพวงมาลัย หรือประมาณเข่าขวาของคนขับครับ จะมีตัวหนังสือ 4 x 4 ตัวเล็กๆ บอกอยู่ วิธีการปรับเหมือนกับการเลือนปรับระดับสูงต่ำของไฟฟ้ารถยนต์เลยครับ ปรับแล้วดูที่หน้าปัดเรือนไมล์ จะมีไฟกระพริบบอกเป็นสัญญาน ถ้าเข้าระบบแล้วไฟจะติดค้างไว้
รถกระบะทาทา เป็นรถยนต์ที่ภายในไม่ได้กว้างขว้าง เนื่องจากบอดี้ที่ใกล้เคียงกับรถกระบะสมัยก่อน เรื่องของงานประกอบและวัสดุ ต้องบอกกันตรงๆว่า ยังห่างไกลจากรถยนต์แบรนด์หลักภายในประเทศเราอยู่ประมาณหนึ่ง จริงๆแล้วบริษัททาทา เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอุตสาหกรรมระดับโลกนะครับ เพียงแต่การเข้ามาจับธุรกิจรถยนต์ อาจจะดูเป็นค่ายรถยนต์น้องใหม่ ที่กำลังพัฒนาความน่าเชื่อถือ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไปพร้อมๆกัน จะเห็นได้จากการที่ บริษัท ทาทามอเตอร์ ซื้อกิจการรถยนต์ จากัวร์ และแลนด์โรเวอร์ มาไว้ในครอบครองตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งในอนาคต เราน่าจะได้เห็น ทาทา นำเทคโนโลยี และการออกแบบที่โดดเด่นจากค่ายรถยนต์แบรนค์หรู ที่เป็นบริษัทลูกของตัวเองอยู่ก็เป็นได้
ทาทา ซีนอน เอ็กซ์พลอร์ นำเครื่องยนต์ดีเซลเดิม 4 สบู 16 วาลว์ คอมมอนเรล หวัฉีดไดเร็กอินเจ็คชั่นเทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ มาอัพเกรดพละกำลังให้มากขึ้น จากเดิม 140 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,700-2,700 ต่อนาที มาเป็น 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,000 รอบต่อนาที
จะเห็นได้ว่า แรงม้าที่เพิ่มขึ้นมา 10 แรงม้า มาพร้อมกับ แรงบิด 320 นิวตันเมตร แม้ว่าจะเท่าเดิมก็จริง แต่มาไวกว่าเดิมในรอบที่ต่ำลงตั้งแต่ 1,500 รอบ และลากยาวกว่าเดิมถึง 3,000 รอบเลยทีเดียวครับ ตรงนี้ก็ช่วยได้เรื่องของการขับผ่านอุปสรรค เช่นเนินสูงชัน หรือเส้นทางที่ต้องการปีนป่าย หรือบรรทุกหนัก ก็จะช่วยเรื่องฉุดลากได้ดี แล้วยังแอบเก๋ด้วยไฟส่องสว่างที่ห้องเครื่อง ใช้ประโยชน์ได้จริง สว่างพอสมควรเลยทีเดียว
ไปเปรียบเทียบกับปิ๊กอัพค่ายอื่นในตอนนี้ คงจะยังทำไม่ได้ แต่ถ้าบอกเล่ากันในเรื่องของการใช้งานจริง บุคลิคของตัวรถ และความเหมาะสมในการใช้งาน อันนี้ก็คุยกันได้พอสมควรครับ ที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อนแบบนี้ เพราะอยากจะให้เปิดใจกันแบบกว้างๆก่อน ตลาดรถยนต์ในเมื่อไทย เป็นตลาดใหญ่ คนซื้อมีมาก คนขายก็หลายแบรนด์ เหตุผลในการซื้อรถยนต์สักคันมาใช้งานก็แตกต่างกัน และค่ายรถเองเขาก็ไม่ได้ทุบโต๊ะปักธงว่าจะต้องทำเป้ายอดขายเท่ากันทุกค่ายใช่ไหมละครับ ไม่มีรถคันไหน จะดีไปซะทุกอย่าง แต่รถแต่ละคันจะมีความเหมาะสมลงตัวแตกต่างกันครับ
การขับขี่ ใช้เส้นทาง กรุงเทพ-กาญจนบุรี วิ่งถนนดำ ไปจนถึงด่านทดสอบอ๊อฟโร้ด ในการวิ่งทางลาดยาง ก็ได้ลองเรื่องของอัตราเร่ง ช่วงล่าง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คาดหวังว่ารถคันนี้ จะต้องดีเลิศอะไรมากนัก เพราะอย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนต้น ว่าเราจะเอารถปิ๊กอัพทาทา ไปเปรียบเทียบกับปิ๊กอัพค่ายอื่นในตอนนี้ คงจะยังทำไม่ได้ แต่ถ้าบอกเล่ากันในเรื่องของการใช้งานจริง บุคลิคของตัวรถ และความเหมาะสมในการใช้งาน อันนี้ก็คุยกันได้พอสมควรครับ ที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อนแบบนี้ เพราะอยากจะให้เปิดใจกันแบบกว้างๆก่อน ตลาดรถยนต์ในเมื่อไทย เป็นตลาดใหญ่ คนซื้อมีมาก คนขายก็หลายแบรนด์ เหตุผลในการซื้อรถยนต์สักคันมาใช้งานก็แตกต่างกัน และค่ายรถเองเขาก็ไม่ได้ทุบโต๊ะปักธงว่าจะต้องทำเป้ายอดขายเท่ากันทุกค่ายใช่ไหมละครับ ไม่มีรถคันไหน จะดีไปซะทุกอย่าง แต่รถแต่ละคันจะมีความเหมาะสมลงตัวแตกต่างกันครับ
ความรู้สึกในการขับขี่ ผมยอมรับตามตรงว่า รู้สึกเหมือนได้ขับกระบะเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ดีกว่าตรงที่ พวงมาลัยรถยนต์สมัยนี้เป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ ไม่ใช่เพาเยอร์เหมือนกระบะสมัยนั่น และที่แน่ๆ เครื่องยนต์ก็แรงกว่าด้วย
เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ที่ปรับจูนกำลังเครื่องยนต์มาใหม่ในครั้งนี้ ค่อนข้างจะตอบสนองดีพอสมควรครับ กดคันเร่ง แล้วรู้สึกได้ทันที กำลังเครื่องดีครับ แล้วก็ลากได้ยาวด้วย แต่เสียงเครื่องนี่ซิ ดังเข้ามาภายในห้องโดยสารชัดเจน แต่จะว่าไป พอได้ยินเสียงเครื่องยนต์ ก็ทำให้อารมณ์ในการขับขี่สนุกสนาน มันดีเหมือนกันครับ
พวงมาลัยของทาทา ซีนอน เอ็กซ์-พลอร์ เป็นแบบสามก้าน โดยคันที่ผมขับ เป็นรุ่น Pre-Production หรือรู่นที่ผลิตออกก่อนรุ่นที่ผลิตขายจริง ทำให้ทั้งเนื้องานในหลายๆจุดยังไม่เรียนร้อย รวมถึงการเซ็ตพวงมาลัยที่ไม่ตรงศูนย์ถ่วงในคันที่ผมขับด้วย ขอผ่านแล้วกันครับ เรื่องพวงมาลัย แต่ถ้าเอาตามสภาพที่ได้ขับ พวงมาลัยก็ไม่คม มีอาการขืนๆกับช่วงล่างอยู่บ้าง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเหตุผลที่ผมบอกไว้ครับ
ช่วงล่างของทาทา ซีนอน เอ็กซ์-พลอร์ ต้องบอกว่ารับรู้สภาพผิวถนนได้ทุกสัดส่วน เนื่องจากบอดี้รถไม่ใหญ่ ช่วงตัวรถไม่ยาว แม้จะเป็นรุ่น 4 ประตู ตัวรถก็ยังมีความสะเทือนอยู่มาก พื้นฐานรถเน้นมาเพื่อการบรรทุกอยู่เป็นทุนเดิม การวิ่งบนถนนลาดยางเมื่อไม่มีสิ่งของบรรทุก จึงไม่โดดเด่น
การเบรกค่อนข้างจะต้องกะระยะก่อนให้ดี เพราะต้องใส่น้ำหนักเท้ามากในการเบรกเป็นจุดที่ควรจะแก้ไขให้ดีขึ้นครับ แต่ก็มีการติดตั้งระบบเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD มาให้
ด้านการขับขี่ลุยในสนามทดสอบอ๊อฟโร้ด ไม่ว่าจะเป็นการลุยน้ำ ทางชัน เนินสูง ด้วยเครื่องยนต์ที่มีกำลังในรอบต่ำลากไปจนรอบสูง อุปสรรคแค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัวครับ แล้วจุดเด่นของทาทา ซีนอน ขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นนี้มี นั่นคือ ตัวถังที่กระทัดรัด ทำให้เวลาเจอทางลาดชัด หรือทางที่มีความแคบ รถยนต์ทาทาจะได้เปรียบมากๆ คือถ้ารถคันใหญ่ เราจะไปลุยป่า ก็คงต้องคิดหนักไม่น้อย ทาทา ซีนอน เอ็กซ์-พลอร์ จึงเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ตอบสนองเรื่องนี้ได้ดี
สรุปการขับขี่ ทาทา ซีนอน 150 เอ็น เอ็กซ์-พลอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นรุ่นย่อยที่ทาทา นำมาเพิ่มทางเลือกให้กับในตลาดเมืองไทย ด้วยราคาค่าตัว 7 แสนกลางๆ ภาพรวมแม้จะมีการตกแต่งเพิ่มเติมภายนอก และติดตั้งระบบนำทางเนวิเกเตอร์มาให้ภายในรถ แต่ภาพลักษณ์ของตัวรถ ก็ยังคงเป็นรถกระบะที่เน้นใช้งานหนัก ไม่โดดเด่นในการวิ่งทางเรียบถนนดำ แต่ชัดเจนในแง่ของการเป็น รถลุย รถขนของ ยิ่งมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ยิ่งไปได้ทุกที่ทุกทางมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับนำมาขนของวิ่งเข้าไปในท้องถิ่นทุรกันดาน
เช่นเคย เมื่อถามว่าเหมาะกับใคร หรือใครกัน ที่คิดจะซื้อ ส่วนตัวผม ก็มองว่า น่าจะเป็นกลุ่มคนที่เน้นการใช้งานจริงๆ ใช้งานหนัก เอาไปแต่งลุยเข้าป่า ทั้งเพื่อการท่องเที่ยว วิ่งคาราวาน ซึ่งอาจจะมีรถอยู่แล้ว แล้วอยากจะได้รถยนต์ขับ 4 สักคัน ที่ลุยไปไหนมาไหน โดยไม่ต้องห่วงหล่อ ทั้งหมดก็คือ บทสรุปของกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ จากดินแดนภารตะ