ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ลงทำศึกการแข่งขันความเร็วชิงแชมป์เอเชีย รายการ Asia Road Racing Championship 2015 สนามที่ 4 ซึ่งทำการแข่งขันกัน ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่ถือว่าเป็นโฮมเรซของนักแข่งไทย โดยการแข่งขันสนามนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 สิงหาคม 2558
การแข่งขันในสนามโฮมเรซครั้งนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ส่งนักแข่งลงทำการชิงชัยด้วยกัน 2 รุ่น คือ รุ่น Supersports 600 cc. ที่มี อนุภาพ ซามูล (30) และ อนุชา นาคเจริญศรี (14) ได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดลงทำการแข่งขัน และรุ่น Asia Production 250 cc. ซึ่งเป็นรุ่นที่นักแข่งยามาฮ่าไทยลงแข่งขันเต็มฤดูกาล โดยมี พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) และ พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) เป็นตัวหลัก และเสริมทัพด้วย รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) ที่ได้รับสิทธิ์ไวด์การ์ดเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เกมการแข่งขันระดับนานาชาติ
ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เปิดเกมในบ้านด้วยการแข่งขันใน รุ่น Asia Production 250 cc. โดยรถแข่งทั้ง 3 คันของทีมถือได้ว่ามีความสมบูรณ์เรื่องของการเซ็ตอัพรถแข่งเป็นอย่างมาก ตัวนักแข่งทั้ง พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) และ พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) และ รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) ต่างก็มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม มีความมุ่งมั่นที่จะทำผลงานบ้านต่อหน้ากองเชียร์คนไทยให้ได้ดีที่สุด โดยในช่วงของการซ้อมทั้ง 3 ครั้งนั้น พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) เป็นนักแข่ง ที่ทำเวลาดีของทีมคือ 1’59.776 นาที ตามด้วย พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) 2’00.060 นาที และ รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) 2’00.635 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับกลุ่มผู้นำเลยทีเดียว
ในการแข่งขันรุ่น Asia Production 250 cc. เรซที่ 1 นั้น ทันทีที่สัญญาณไฟแดงสตาร์ทดับลง ฝูงรถแข่งในรุ่นนี้ก็พุ่งทะยานออกตัวกันไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนักแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ที่แม้จะอยู่ในตำแหน่งสตาร์ทที่ไม่ได้เปรียบนักแต่ก็ยังสามารถเกาะติดกลุ่มหน้ากลุ่มใหญ่ได้อย่างเหนียวแน่นในช่วงต้นของเกมการแข่งขัน ก่อนที่คู่แข่งในกลุ่มหน้าจะเริ่มทิ้งระยะห่างออกไป ทำให้ รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) และ พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) ที่พัวพันอยู่ในกลุ่มที่ 2 ต้องขับเคี่ยวกับ นักแข่งอีกหลายคันอย่างหนัก ส่วน พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) นั้นตามอยู่ด้านท้ายกลุ่มนี้ และเข้าสู่ช่วงท้ายเกมแข่งขัน รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) ก็สามารถที่จะขยับขึ้นมาสู้กับผู้นำในกลุ่มที่ 2 ได้อย่างสนุก ทำให้กองเชียร์ชาวไทยได้ลุ้นเป็นอย่างมาก และ พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) เองก็ต้องเจอกับการขับเคี่ยวที่สาหัสจากคู่แข่งไม่แพ้กัน ส่วน พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) ประสบอุบัติเหตุลล้มลงในรอบสุดท้ายทำให้ออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย และเมื่อการแข่งขันครบทั้ง 10 รอบสนาม ผลปรากฎว่า รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) สามารถผ่านธงตราหมากรุกเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่ 7 และ พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) ก็สามารถแทรกตัวขึ้นมาจากกลุ่มหลังจนเฉือนเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่ 11 ไปอย่างสนุกเลยทีเดียว
ส่วนการชิงชัยในเรซที่ 2 ของรุ่น Asia Production 250 cc.นั้น ทีมแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ก็ได้มีการปรับเซ็ตอัพรถแข่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนักแข่งทั้ง 3 คนรู้สึกพอใจ และมั่นใจกับรถแข่งดีอยู่แล้ว และเมื่อการแข่งขันในเรซที่ 2 เริ่มขึ้นรถแข่งในรุ่นนี้กว่า 30 คัน ก็ทะยานออกตัวไปอย่างรวดเร็ว โดยทั้ง รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44), พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) และ พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) ก็สามารถออกตัวจากกริดสตาร์ทได้ดี ทำให้สามารถเกาะกลุ่มกับคู่แข่งไปได้ แม้ว่ากลุ่มนำนั้นจะฉีกระยะห่างออกไปได้ แต่ในกลุ่มตามนั้นก็ยังมีคู่แข่งขับเคี่ยวกันอยู่กว่า 10 คัน ซึ่ง 3 นักแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ก็พยายามอย่างเต็มกำลังในการแย่งชิงอันดับกับนักแข่งต่างชาติที่มีประสบการณ์โชกโชน โดยในกลุ่มนี้มีการสลับตำแหน่งกันอยู่ทุกรอบการแข่งขัน ซึ่งนักแข่งยามาฮ่าไทยก็สามารถทนแรงกดดัน และใจสู้ไล่บู๊ไล่แซงคู่แข่งอย่างสนุก ทำให้กองเชียร์ยามาฮ่าได้ส่งเสียงเชียร์กันอย่างตื่นเต้น ในช่วงท้ายเกมการชิงชัยก็ยิ่งเร้าใจมากยิ่งขึ้น นักแข่ง แต่ละคนต่างก็กดคันเร่งกันเต็มที่เพื่อชิงอันดับที่ดีที่สุดของตัวเอง และเมื่อจบการแข่งขันทั้ง 10 รอบ ผลปรากฎว่า 3 นักแข่งไทย ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ก็สามารถทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ โดย พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) สามารถเฉือนคู่แข่งเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่ 4 ได้สำเร็จ ส่วน รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) เองก็สู้เต็มที่จนเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่ 6 และ พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) ก็สามารถเก็บเต็มได้ในอันดับที่ 11 ได้สำเร็จ เรียกเสียงปรบมือจากกองเชียร์ชาวไทยที่ เข้ามาชมการแข่งขันในสนามนี้ได้เป็นอย่างมาก
สำหรับการชิงชัยรุ่น Supersports 600 cc. เรซที่ 1 นั้น เมื่อเริ่มการแข่งขันแม้ว่านักแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม อย่าง อนุชา นาคเจริญศรี (14) และ อนุภาพ ซามูล (30) จะอยู่ในตำแหน่งสตาร์ทแถวหลังแต่ก็ออกตัวได้ดีทำให้ได้เบียดลุ้นกับคู่แข่งได้อย่างสนุก แม้ว่าจะเป็นลองในเรื่องของรถแข่ง และประสบการณ์ในเกมระดับนี้ แต่ทั้งคู่ก็ต่างพยายามขับเคี่ยวกับนักแข่งอีกกว่า 20 คัน แบบเต็มกำลัง เพื่อทำผลงานให้ดีที่สุดต่อหน้ากองเชียร์ชาวไทย โดย อนุภาพ ซามูล (30) นั้นมีโอกาสที่จะขยับขึ้นมาติด 1 ใน 5 ได้ แต่ขาดจังหวะที่ดีในช่วงการแย่งชิงตำแหน่งกับนักแข่งญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ทำให้เมื่อการแข่งขันครบทั้ง 16 รอบสนาม ผลปรากฎว่า อนุภาพ ซามูล (30) เข้าเส้นชัยจบการแข่งขัน ในอันดับที่ 6 ส่วน อนุชา นาคเจริญศรี (14) นั้น ต้องเสียเวลาไปพอสมควรกับอุบัติเหตุในสนามถึง 2 ครั้ง ทำให้ถูกกลุ่มทิ้งระยะห่างออกไปถึง 2 วิ. ยากที่จะไล่จี้เข้ามาทัน ทำให้จบการแข่งขันในอันดับที่ 10 ไปแบบน่าเสียดาย
ส่วนการแข่งขันในเรซที่ 2 ของรุ่น Supersports 600 cc. นั้น ต้องบอกว่า 2 นักแข่งทีม ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม มีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพราะทันทีที่สัญญาณไฟแดงสตาร์ทดับลงทั้ง อนุชา นาคเจริญศรี (14) และอนุภาพ ซามูล (30) ก็ทะยานขึ้นมาเกาะกลุ่มหน้าได้อย่างรวดเร็ว โดยในช่วงต้นเกมนั้น อนุชา นาคเจริญศรี (14) สามารถเกาะอยู่ในอันดับ 3 และ อนุภาพ ซามูล (30) ตามมาในอันดับที่ 7 ก่อนที่จะถูกคู่แข่งไล่บี้ และขยับขึ้นแซงไปได้หลายคันในช่วงกลางของเกมการแข่งขัน แต่นักแข่งยามาฮ่าไทยทั้งคู่ก็ยังคงไม่ลดละความพยายามในการแย่งชิงอันดับที่ดีที่สุด เรียกว่ากระชากคันเร่งไล่บี้คู่แข่งแบบสุดใจกันเลยทีเดียว จนกระทั้งการแข่งขันครบทั้ง 16 รอบสนาม ผลปรากฎว่า 2 นักแข่งทีม ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ทำผลงานดีที่สุดในบรรดากลุ่มนักแข่งไทยด้วยกัน โดย อนุชา นาคเจริญศรี (14) สามารถเบียดแย่งนักแข่งญี่ปุ่นเข้าเส้นชัยได้ในอันดับ 9 และ อนุภาพ ซามูล (30) ก็เฉือนนักแข่งออสเตรเลียเข้าเส้นชัย ได้ในอันดับที่ 12 ซึ่งถือเป็นการเก็บแต้มและเก็บเกี่ยวประสบการณ์การแข่งขันชิงแชมป์เอเชียของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
หลังจบการแข่งขัน คุณธีระพงษ์ โอภาสกรกุล ผู้บริหารทีม ได้กล่าวถึงการแข่งขันในสนามนี้ว่า “ก็เป็นไปได้ด้วยดีครับ แม้ว่าตำแหน่งอาจจะพลาดไปจากที่คิดไว้บ้าง แต่ต้องยอมรัว่าคู่แข่งที่อยู่ข้างหน้าเราเขาเก๋าเกมทุกคน โดยเราทำสำเร็จในรุ่น 250 ก็ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งนักแข่งทุกคนก็มีกำลังใจ และใจสู้มาก ส่วนรุ่น 600 นั้นเราก็ดีแล้ว แต่คู่แข่งเราดีกว่า และแข็งแกร่งกว่าเรามาก สำหรับเกมที่เหลืออีก 2 สนามนั้น เรามั่นใจว่าจะได้ขึ้นโพเดี้ยมอย่างแน่นอนครับ”
อนุชา นาคเจริญศรี ก็กล่าวถึงการแข่งขันหลังจากจบบเรซ 2 ว่า “รถแข่งเขาไม่ได้เร็วกว่าเรามาก เพียงแต่ว่าความเก๋า และประสบการณ์ของเขาเยอะกว่าของเรามาก รถแข่งผมมีปัญหาการเซ็ตโช้คที่แข็งไปนิด เพราะเราคิด และคาดการณ์ว่าจะใช้งานได้ดีแต่ผิดไปนิด ผมยอมรับว่าความเก๋าของพวกเขาสามารถที่จะข่มเราได้ แต่ผมก็ไม่กลัว และ กล้าที่จะแลกกับเขาตลอด แต่ต้องยอมรับว่าจังหวะเขาดีกว่าจริงๆ ซึ่งสนามสุดท้ายที่สนามช้าง ผมจะต้องทำการบ้านอย่างหนัก เก็บข้อมูลให้มากและต้องทำให้ดีกว่านี้ครับ”
ทางด้าน อนุภาพ ซามูล ก็ได้กล่าวถึงผลงานในสนามนี้ว่า “รถก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ เพียงแต่ว่ารถผมคงจะวอร์มยางนานไปหน่อย เลยทำให้ยางนิ่มเกินไป ผมยังขี่ได้ดีเหมือนเดิมครั เพียงแต่ว่าคู่แข่งเขาก็มีความฮึกเหิมและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะเราที่อยู่ในฐานะเจ้าบ้านให้ได้ สำหรับสนามสุดท้ายผมต้องให้นักแข่งรุ่นพี่มาเทรนให้อย่างหนัก เพื่อหวังจะทำอันดับให้ติด 1 ใน 5 ให้ได้ครับ”
สำหรับ พีรพงษ์ บุญเลิศ ได้กล่าวว่า “ผมสู้ยิบตาเลยครับ เพราะรถผมสมบูรณ์ และดีกว่าเมื่อวานมาก ขอบคุณทีมงานทุกคน ผู้บริหารทุกท่าน ที่ให้กำลังใจผมก่อนแข่ง ซึ่งผมเกือบจะท้อแล้วเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่เมื่อผมได้ รับกำลังใจจากทีมทำให้ผมสู้เต็มที่ ตอนแข่งลืมเจ็บและดีใจมากที่ผม และพี่ชายทำผลงานได้ดีให้กับทีมได้ เหลืออีก 2 สนามผมจะตั้งใจ และทำการบ้านให้หนัก และจะต้องขึ้นโพเดี้ยมให้ได้ครับ”
พีระพงศ์ หลุยบุญเป็ง ก็กล่าวถึงการแข่งขันครั้งนี้ว่า “ทำดีที่สุดแล้วครับ ผมมีปัญหาทางด้านรถแข่งนิดหน่อยจากที่ผมคาดการณ์ผิดไปจากการทดสเตอร์ จนทำให้รถช้าไปกว่าเดิม ผมต้องขอโทษทีมงาน และกองเชียร์ยามาฮ่าที่ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรจากทีมยามาฮ่าหวังผลไว้ และอีก 2 สนามที่เหลือผมจะตั้งใจให้มาก และต้องทำผลงานให้ดียิ่งขึ้น”
ปิดท้ายด้วย รัฐพงษ์ บุญเลิศ ที่มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะนักแข่งไวลด์การ์ดที่กล่าวว่า “การแข่งขันสนุกมากครับ แม้ว่าช่วงแรกผมจะทำได้ไม่ดีในช่วงออกสตาร์ท กว่าจะไล่ขึ้นมาได้ก็เกือบจะสายเกินไป แต่ผมก็ทำได้ถือว่าดีที่สุดตามเป้าหมายครับ เพราะเรซ 2 นี้ผมตั้งใจมากเพราะได้กำลังใจที่ดีจากทีมงาน และผู้บริหาร ที่ให้กำลังใจมากจนรู้สึกอบอุ่น และมีแรงฮึดว่าจะต้องทำให้ได้ และถือว่าประสบความสำเร็จครับ สัญญาครับว่าสนามต่อจากนี้หรือสนามสุดท้ายถ้าได้มีโอกาสจากทีมยามาฮ่าอีก ผมจะต้องขึ้นโพเดี้ยมให้ได้ครับ”