“โคมัตสุ” ยักษ์ใหญ่วงการเครื่องจักรกลหนัก ปรับตัวสู่เศรษฐกิจ 4.0 ใช้เทคโนโลยี Big Data จากการเก็บข้อมูลลูกค้าผู้รับเหมารายใหญ่มากกว่า 10 ปี ชูระบบบริหารเครื่องจักร KOMTRAX สร้างมาตรฐานบริการหลังการขาย ผสานระบบใหม่ CARTE สร้างฐานข้อมูลเครื่องจักรเพื่อรักษาราคาขายต่อ ทั้งยังจัดโปรแกรมบำรุงรักษาเครื่องจักรให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนของลูกค้า
นายประณิธาน พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกโคมัตสุเซลล์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากจบไตรมาสแรกของปี 2018 ตัวเลขยอดขายตลาดเครื่องจักรกลหนักยังคงทรงตัวไม่มีการเติบโตขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจากการรายงานข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตประมาณ 3.9% และเติบโตต่อเนื่องในปี 2562 ประมาณ 3.7% แต่ทว่า เมื่อพิจารณาอัตราการลงทุนในภาคการก่อสร้างพบว่ามีการชะลอตัวทั้งในส่วนของเอกชนและภาครัฐ
“แม้ว่าหลายฝ่ายจะคาดการณ์ว่าปีนี้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโตขึ้น แต่ในธุรกิจของการก่อสร้างนั้นไม่ได้ เป็นไปตามภาพรวมของเศรษฐกิจ มีการชะลอตัวการลงทุนในภาคของการก่อสร้าง ประกอบกับการประกาศเลือกตั้งในปีหน้า ทำให้อาจจะมีความไม่ชัดเจนในด้านการลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ส่งผลให้ผู้ลงทุนยังชะลอการตัดสินใจการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนจากนโยบายของภาครัฐซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเครื่องจักรกลหนักโดยตรง ทำให้คาดการณ์ว่า ในปีนี้ธุรกิจจะทรงตัวหรือใกล้เคียงกับปีที่แล้ว”
นายประณิธาน กล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวมของตลาดเครื่องจักรกลหนักในปี 2517 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ประมาณ 14,500 บาท โดยโคมัตสุ มียอดขายเป็นมูลค่าอยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 25.7 % ในปีที่ผ่านมา และสำหรับปี 2018 นี้ จากเหตุผลการชะลอตัวภาคการก่อสร้างดังกล่าวมาแล้วนั้น ทางโคมัตสุ ตั้งเป้ายอดขายว่าจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
นายประณิธาน กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าจากการคาดการณ์ตลาดในปี 2018 จะทรงตัว แต่ถึงอย่างไร โคมัตสุเองก็ยังคงจะต้องมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องต่อไป ในภาวะที่การแข่งขันในตลาดเครื่องจักรกลหนักนั้นมีการแข่งขันสูง ทางด้านผลิตภัณฑ์นั้น โคมัตสุ ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้เพื่อให้ลูกค้าของเราใช้เครื่องจักรโคมัตสุได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยนอกจากระบบ KOMTRAX ที่เป็นระบบที่ช่วยในการบริหารเครื่องจักรแล้ว ในปีนี้เราได้พัฒนาระบบ CARTE เป็นระบบฐานข้อมูลเครื่องจักรที่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ของเครื่องจักร ตั้งแต่เริ่มใช้จนถึงปัจจุบัน เช่น KOMTRAX, PM, KOWA ข้อมูลการบำรุงรักษา ระบบนี้ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกๆ ด้านของเครื่องจักรได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงการวางแผนการใช้งาน การวางแผนบำรุงรักษาเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราทำควบคู่ไปกับการขาย และอยู่ในแผนการดำเนินธุรกิจของเรามาโดยตลอด คือ การดูแลเครื่องจักรตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นการให้บริการทั้งก่อน และหลังการขาย โดยเฉพาะบริการหลังการขาย เนื่องจากสินค้าเครื่องจักรเป็นสินค้าที่ค่อนข้างเฉพาะทาง เราจึงมีการดูแลเครื่องจักรของลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน (Total Life Cycle Support) ผ่านบริการต่างๆที่เราคิดขึ้นมาเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ B-Connect Warranty และระบบ Carte
นอกจากนี้เรากำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาช่องทางใหม่ในการให้บริการแก่ลูกค้าโดยนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าของเรา โดยปีที่ผ่านมาเราได้ขยายและเปิดศูนย์บริการของเราหลายจุด อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครสวรรค์ และศูนย์แห่งใหม่ที่จังหวัดมุกดาหาร พร้อมมีบุคลากรที่มีความชำนาญเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรให้บริการหลังการขาย นับเป็นหัวใจหลักสำคัญ
“ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันมีคู่แข่งหน้าใหม่ๆ เข้ามาในตลาดเครื่องจักรกลมากขึ้น แต่เราเชื่อมั่นว่าเมื่อเทียบคุณภาพสินค้าและบริการของเราที่มีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศแล้วนั้น รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เครื่องจักร เราจะยังรักษาฐานลูกค้าของเราไว้ได้ ควบคู่กับการขยายกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้นภายในปีนี้อีกด้วย และเราได้มีการปรับแผนการตลาด รวมถึงกิจกรรมสนับสนุนส่งเสริมการขายของเรา เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น” นายประณิธาน กล่าวทิ้งท้าย