MG6 ไมเนอร์เชนจ์ เหลือเพียงเครื่อง 1.8 ลิตร รองรับ E85 ติดตั้ง “inkaNet” เป็นรุ่นแรกในไทย ตั้งเป้ายอดขาย 1,000 คันในปีนี้

เอ็มจี เปิดตัว  “MG6″รุ่นใหม่ หวังยอดขาย 1,000 คัน ภายในปีนี้ ด้วยการเสริมทัพ รุ่นย่อย 10 รุ่น 2 ตัวถัง Sedan และ Fastback พร้อมติดตั้ง “inkaNet” นวัตกรรมการสื่อสารอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ระหว่างผู้ขับขี่กับรถยนต์เอ็มจีครั้งแรกในประเทศไทย NEW MG6 พร้อมเพิ่มเอุปกรณ์ความปลอดภัยมากขึ้นจากรุ่นที่แล้ว

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ “เอ็มจี” แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศอังกฤษ บุกตลาดครึ่งปีหลังเปิดตัว “NEW MG6” รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบเทอร์โบ 1.8 ลิตร ทันสมัยสปอร์ตเฉียบคมสไตล์ยุโรป สุดยอดสมรรถนะการขับขี่ที่มอบพลังแห่งการควบคุม และประสบการณ์พิเศษให้กับผู้ขับขี่ พร้อมติดตั้ง “inkaNet” นวัตกรรมการสื่อสารอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ระหว่างผู้ขับขี่กับรถยนต์เอ็มจีครั้งแรกในประเทศไทย NEW MG6 คือนิยามใหม่แห่งสมรรถนะการบังคับควบคุมและความสะดวกสบายที่เหนือระดับ

งานแถลงข่าวเปิดตัว NEW MG6 ที่จัดขึ้น ณ บีซีซีฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัลลาดพร้าว เอ็มจีประกาศเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย พร้อมชูจุดเด่นทั้งรูปลักษณ์ สมรรถนะ ความปลอดภัย และความมั่นใจในการขับขี่ โดยวางตลาดทั้งรุ่นฟาสต์แบ็ค (Fastback) และซีดาน (Sedan)

นายหวู่ ฮวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เปิดเผยว่า “NEW MG6 จะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์สไตล์สปอร์ตที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะการขับขี่ รถยนต์ NEW MG6 สปอร์ตพรีเมี่ยมใหม่ ที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนความเป็นเอ็มจีอย่างชัดเจน พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดบริท ไดนามิค (Brit Dynamic) โดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ การบังคับควบคุม และความปลอดภัย สามารถตอบสนองผู้ขับขี่ให้รับรู้ถึงพลังแห่งการควบคุมที่เหนือระดับ นอกจากนี้ NEW MG6 ติดตั้ง “inkaNet” นวัตกรรมระบบสื่อสารระหว่างคนกับรถที่ทำงานบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย ช่วยเพิ่มความปลอดภัย สะดวกและมั่นใจทุกการขับขี่ NEW MG6 พร้อมสร้างแรงบันดาลใจและเปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการขับขี่แล้ววันนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยที่ติดตั้งระบบนี้”

ด้านเทคโนโลยี MG6 ใหม่ ติดตั้งอุปกรณ์ ความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีก 5 ฟังก์ชั่น ได้แก่ ระบบ Auto Hold เพิ่มความสะดวกในการขับขี่ขณะจราจรคับคั่ง และป้องกันรถไหลเมื่อต้องขึ้นทางลาดชัน ระบบแจ้งเตือนทิศทางของพวงมาลัยหลังสตาร์ทเครื่องยนต์ (Steering Wheel Reminder) ระบบควบคุมแรงบิดของล้อในขณะเข้าโค้ง DWTC (Dynamic Wheel Torque Control) ที่เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อต้องหักหมุนพวงมาลัยเพิ่มขึ้นในขณะเข้าโค้ง ไฟส่องสวางด้านข้างขณะเลี้ยว (Cornering Lights) และระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto-Leveling Headlights) และโครงสร้างพิเศษ พร้อมคานเหล็กนิรภัยที่ช่วยรับแรงกระแทกจากด้านข้าง และถุงลมนิรภัย 6 จุด ทำให้ห้องโดยสารเป็นโซนนิรภัยปกป้องทุกคนในรถขณะเกิดอุบัติเหตุ

ภายใน MG6 ใหม่ ดีไซน์มาใน 2 บุคลิก 2 โทนสี ทั้งโทนสีดำและสีเบจ คอนโซลหน้าสีเทาเข้มพร้อมจอมาตรวัดดีไซน์ใหม่ ระบบความบันเทิงมี CD และ MP3 หน้าจอแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง บลูทูธ กล้องมองหลัง และลำโพงคุณภาพสูง 8 ตำแหน่ง รองรับ USB และ AUX

นอกจากนี้ เอ็มจี ยังติดตั้ง “inkaNet” ระบบการสื่อสารอัจฉริยะระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์เอ็มจี ลงใน ระบบแรกในตลาดที่ทำงานบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย ลงใน MG6 “inkaNet” ประกอบด้วย 5 ฟังก์ชั่นหลัก ได้แก่ ฟังก์ชั่นตรวจสอบสถานะการทำงาน ของรถยนต์เอ็มจี ช่วยให้ทราบข้อมูล เช่น ระยะทางที่รถวิ่ง ระดับน้ำมัน ระดับไฟในแบตเตอรี่ ได้แบบเรียลไทม์ ฟังก์ชั่นควบคุมการทำงานของรถจากระยะไกล แก้ปัญหาการลืมล็อคประตู ฟังก์ชั่นวิเคราะห์การทำงาน แจ้งสถานะปัจจุบันของรถยนต์ ฟังก์ชั่นแจ้งเตือนความผิดปกติ เมื่อมีการเคลื่อนรถยนต์อย่างผิดปกติ และฟังก์ชั่นติดตามรถยนต์แบบเรียลไทม์ ที่สามารถบอกตำแหน่งรถ พร้อมแนะนำเส้นทางที่มีการจราจรสะดวกที่สุด พิเศษสำหรับลูกค้า NEW MG6 จะได้รับสิทธิพิเศษสามารถเชื่อมต่อระบบ inkaNet ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือฟรีนาน 5 ปี

MG6 ใหม่ ยังคงไช้ดีไซน์การออกแบบสไตล์สปอร์ตอังกฤษทั้ง ในรุ่นฟาสต์แบ็ค (Fastback) และซีดาน (Sedan) ที่เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเดิม คือไฟฟน้าที่มีการปรับให้เฉียบคมขึ้น และเป็นไฟหน้าแบบ Bi-Xenon HID ทันสมัยและให้ความสว่างที่มากกว่า พร้อมระบบไฟส่องสว่างด้านข้างขณะเลี้ยว (Cornering Lights) ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto-Leveling Headlights) และระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า (Headlight Washer) เพิ่มความโดดเด่นและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light) และเพิ่มสปอร์ตด้วยเส้นโครงหลังคาที่ลาดต่ำลง กันชนหลังพร้อมไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยลายใหม่

MG6 ใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์ ขนาดเดียวในทุกรุ่น คือเครื่องยนต์เทอร์โบ ขนาด 1.8 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดถึง 161 แรงม้า (118 กิโลวัตต์) ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 215 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด DCT (Dual Clutch Transmission) ที่ปรับเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็ว ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันและด้านหลังแบบ Z-type มัลติลิ้งค์

ด้านบริการหลังการขาย สำหรับลูกค้า MG6 ใหม่ มีดังนี้

รับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
บริการเช็คระยะนอกสถานที่ (Mobility Services) เมื่อมีการโทรแจ้งนัดหมาย
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง
บริการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Center) ตลอด 24 ชั่วโมง
เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สำหรับการเปิดตัว MG6 ใหม่ ในครั้งนี้ ทางเอ็มจี ตั้งเป้ายอดขายรวมภายในปีนี้ 6,000 คัน โดย แบ่งเป็น MG6 1,000 คัน MG3 อีก 5,000 คัน พร้อมเตรียมผลักดันเพิ่มจำนวนศูนย์บริการทั่วประเทศให้ได้ถึง 50 สาขา ภายใน สินปีนี้

MG6 มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ ขาว Arctic White ดำ แดง เงิน และเทา และสำหรับในรุ่น ฟาสต์แบ็ค ยังมีสีพิเศษ สีขาว (Arctic White) หลังคาดำ เป็นทางเลือกสำหรับคนหัวใจสปอร์ตอีกด้วย

การเปิดตัว MG6 ใหม่ในครั้งนี้ นอกจาก เอ็มจี จะเพิ่มรุ่นตัวถังแบบ Fast เข้ามา เอ็มจี ยังได้เพิ่มรุ่นย่อยต่างๆ อีกถึง 10 รุ่น แบ่งเป็น ตัวถัง Sedan 5 รุ่น และ ตัวถัง Fastback 5 รุ่น โดยแต่ล่ะรุ่นมีราคา ดังนี้