วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
HomeTest Drive

MG 3 X 2015: ฮ็อตแฮ็ท 1.5 ลิตร ช่วงล่างเป็นมิตรกับถนนเมืองไทย

ทุกวันนี้ เราได้เห็นรถยนต์ ซิตี้คาร์ กันมากมายหลายรุ่น หลายแบรนด์ โดยเฉพาะความใกล้เคียงของราคารถ ระหว่างกลุ่ม B-segment กับ Eco Car ที่มีความใกล้เคียงกัน จนทำให้คนซื้ออย่างเราๆ ยากที่จะตัดสินใจ ในการเลือกซื้อรถยนต์คันเล็กๆไว้ใช้งานไปไหนมาไหนสักคันหนึ่ง

แต่ด้วยความหลากหลายในปัจจุบัน บวกกับการเปิดใจยอมรับของสังคมคนใช้รถมากขึ้นกว่าในอดีต ทำให้เราได้เห็นการเข้ามาทำตลาดของค่ายรถใหม่ๆในประเทศไทย และทางเลือกในตลาด ก็มีมากขึ้น เพราะแต่ล่ะค่าย ก็พยายามทำตลาดโดยใช้ช่องว่าง หาที่ยืนให้กับรถยนต์ในแต่ล่ะรุ่นของตัวเอง

[taq_review]

สำหรับรถยนต์ที่เราจะพูดถึงกัน ในครั้งนี้คือ MG3 น้องเล็ก จากค่ายใหม่ในประเทศไทย ที่ท้าชนคู่แข่งทั้ง B-Car และ Eco Car ด้วยราคา และอ๊อฟชั่น

MG3 เป็นรถแฮทช์แบ็ค (Hatchback) 5 ประตู เมื่อดูจากขนาดของเครื่องยนต์ และตัวรถ ก็จัดอยู่ในกลุ่มของ รถยนต์นั่งประเภท B-Car หรือ B-Secment แต่ถ้ามองที่ราคา ก็ต้องบอกว่า MG3 เป็นรถยนต์ B-Car ที่สามารถแย่งลูกค้า จากกลุ่มตลาด Eco Car ได้เลยทีเดียว เพราะด้วยราคา เริ่มต้นที่ 479,000 บาท แต่วางเครื่องขนาด 1.5 ลิตร ก็ถือว่าเป็นการทำตลาดแบบอุดช่องว่างระหว่าง รถยนต์ B-Secment  กับ รถยนต์ Eco Car

MG3-0-20

MG3-0-23

ก่อนที่จะไปถึงการขับทดสอบ เรามาเริ่มด้วย รูปโฉมของ MG3 กันก่อน MG3 เป็นรถที่ออกแบบ อย่างที่เรียบง่าย โดยมีแนวทางการออกแบบ ที่เรียกว่า BRIT DYNAMIC หรือการออกแบบโดยใช้เอกลักษณ์ของความเป็นยุโรป ความเป็นอังกฤษ สะท้อนความคลาสสิค แบบสดใส เพื่อความไม่น่าเบื่อ ผ่านเส้นสาย และสีสันของตัวรถ

ด้านหน้า MG3 มีจุดเด่นที่ โลโก้ MG ขนาดใหญ่ ไฟฟ้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ และด้านล่างติดตั้ง ไฟ DRL ส่วนที่กระจกมองข้างก็ยังมีไฟเลี้ยวมาให้ นอกจากนี้ MG3 ยังเพิ่มความสปอร์ตด้วยการใช้สีดำที่เสา A-Pillar

ด้านข้างออกแบบให้มีเส้นสายเรียบง่าย แต่ที่เด่นสุดเห็นจะเป็นการใช้สีดำตัดกับสีตัวรถ เป็นทูโทน ทำให้รถดูแท่ห์มีสไตล์ ด้านล้อแม็ก เป็นล้อแม็ก 4 แฉก 8 ก้าน ขนาด 15 นิ้ว (เฉพาะรุ่น D และ X)

ด้านท้าย MG3 ให้ความสะดุดตาด้วยไฟท้ายแนวยาว ติดตั้ง อุปกรณืต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง ไฟเบรคดวงที่สาม (ผมขอติติงสักนิด ก็เรื่องไฟเบรค ที่เวลาใช้งานจริง ขณะผมขับตามหลัง ผมต้องเพ่งมองไฟเบรคของคันหน้า เพราะมันมองไม่ค่อยจะเห็น ไม่เด่นชัดเพียงพอ ตรงนี้ควรรีบปรับปรุง เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย) ด้านบนเป็นเสาอากาศ ด้านล่างกตรงกลางให้สีดำตัดกับตัวรถ  และที่มุมทั้งสองข้างติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงมาให้เพิ่มความปลอดภัย

2015 MG3 (9)

ภายในของ MG3 ออกแบบให้ความรู้สึกสปอร์ต แต่ดูไม่หวือหวา ใช้โทนสีดำ มีการตกแต่งตัดสีด้วยบรอนเงิน ตามขอบ และจุดต่างๆ ใช้เส้นสายการออกแบบ ในลักษณะโค้งมน โดยเฉพาะ การออกแบบจัดวางอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่องแอร์ วิทยุซีดี แอร์ดิจิตอล มือจับเปิดประตู หรือแม้แต่พวงมาลัย และมาตรวัด ก็มีการออกแบบในคอนเซปเดียวกัน โดยมีแนวทางมาจาก สนามแข่งรถ ที่มีลักษณะเป็นทรงแค๊ปซูน แต่ที่พิเศษ และเป็นจุดเด่น สำหรับรุ่นท๊อป ก็เห็นจะเป็นหลังคา ที่ติดตั้ง Sunroof มาให้

เนื้องานวัสดุ ไม่ได้ดูเลิศหรู แต่งานประกอบก็ดูดี แน่นหนา ให้ความรู้สึกแข็งแรง มีถุงลมคู่หน้ามาให้ ตรงกลางด้านบนนอกจากจะเป็นช่องเก็บของ ยังมีช่อง USB และ AUX เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

2015 MG3 (11)

MG3 ใช้เรือนไมล์เรียบง่าย แบบสองช่องกลม ด้านซ้ายเป็นวัดรอบการทำงานเครื่องยนต์ ตรงกลางมีไฟบอกสถานะเปิด-ปิดประตู ตรงกลาง ด้านบนเป็นไฟบอกตำแหน่งไฟเลี้ยว ด้านล่างเป็นจอดิจิตอลบอกตำแหน่งเกียร์ และทริปการเดินทาง ด้านขวาบอกความเร็ว ชั่วโมงต่อกิโลเมตร พร้อมไฟสถานะต่างๆของรถ ถัดมาขวาสุดตามแนวขอบวงกลมเป็นไฟบอกปริมาณน้ำมันภายในถัง

2015 MG3 ทดสอบ _ (3)

2015 MG3 (6)

ความกว้างขวางของห้องโดยสาร โดยรวมถือว่า อยู่ในเกณฑ์ที่ทำได้ไม่เลวร้ายอะไร พอได้ลองเข้ามานั่งภายใน ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด เบาะนั่งเป็นเบาะหนังสีดำ มีความหนาพอสมควร ลองปรับระดับให้พอดี แต่พอนั่งแล้วก็รู้สึกแปลกๆบอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่พอได้นั่งยาวๆ ก็ไม่เจอกับอาการเมื่อยล้าเท่าไหร่ ถือว่าเป็นรถเล็กที่เบาะนั่งตอนหน้า ใช้ขับเดินทางไกลได้ดีคันหนึ่ง

สำหรับแถวนั่งตอนหลัง มีพื้นที่พอสมควร ไม่คับแคบอึดอัด เพดานมีการเว้าเพิ่มพื้นที่ศีรษะ ก็ช่วยเรื่องความโปร่งสบาย กระจกประตูด้านข้างดูจะเล็กอยู่บ้าง เป็นผลมาจากหลังคาที่ลาดตัดลงมาด้านหลัง

2015 MG3 ทดสอบ _ (1)

2015 MG3 (7)

ทัศนวิสัยในการมองเห็น ด้านหน้าMG3 ไม่ได้เลวร้ายอะไร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่เมื่อมองผ่านกระจกมองหลัง ก็ดูจะเป็นรถแฮทช์แบ็ค ที่ทัศนะวิสัยในมุมมองกระจกด้านหลังทำได้ไม่ดี กระจกด้านหลังแคบ และเสาทั้งสองข้างก็ใหญ่จนบีบมุมมองเกินไป ทำให้มองไม่เคลียร์ ไม่โล่งโปร่งตา

2015 MG3 ทดสอบ _ (6)

วันที่ไปทดสอบ ผมได้ขับ MG3 รุ่น X  ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 106 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตัน/เมตร ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ อัตโนมัติ แบบ เซเลเมติก (จุดสำคัญที่ต้องพูดถึงของรถคันนี้) ระบบความปลอดภัยก็จัดเต็มจริงๆ มากันเพียบ ไล่กันตั้งแต่ ระบบการควบคุมการทรงตัว (Electronic Stability Control) โครงสร้างตัวถังนิรภัย USD (Ultimate Stiffness Design) ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรกฉุกเฉิน ABD (Anti-lock Braking System) ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill – Start Assist System) ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) และ ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR (Motor Control Slide Retainer) กว่าจะหมด เราไปขับกันเลยดีกว่าครับ

2015 MG3 ทดสอบ (6)

ทริปทดสอบขับครั้งนี้ เอ็มจีจัดขบวนรถยนต์ MG3 Hatchback รุ่น C, D, และ X มาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบขับกัน 1 วันเต็ม ในสนามทดสอบที่จัดเตรียมไว้เน้นการทดสอบ การยึดเกาะถนน การทรงตัว และความคล่องตัวของรถเป็นหลัก

เอ็มจี ให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพ-พัทยา ทั้งไปและกลับ จุดหมายอยู่ที่ สนามแข่งรถอ่างเก็บน้ำหนองค้อ เราเดินทางโดยขึ้นทางด่วนตรงถนนพระรามที่4 แล้วตรงยาวออกมอเตอร์เวย์ ช่วงนี้ อัตราเร่งของเครื่องยนต์ มีพอตัว และพอใช้ เป็นรถเล็กที่ขับทางไกลไม่เหนื่อยล้าเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ ต้องทำความเข้าใจกันก่อน และใช้ความคุ้นเคยกัน ก็คือ เรื่องของเกียร์ อัตราเร่งจะทันใจหรือไม่ทันใจ ขับสนุกหรือไม่ ก็อยู่ที่เรื่องนี้เลยครับ

MG3 ใช้เกียร์อัตโนมัติ เซเลเมติก 5 สปีด หลายท่านอาจจะงง เพราะเกียร์ชนิดนี้ ถือว่าใหม่สำหรับเมื่องไทยบ้านเรา แต่ในต่างประเทศ เขามีใช้กันมานานพอสมควรแล้วครับ อะไรที่มาใหม่ มันก็ทำให้เราไม่คุ้น ไม่ชิน แต่การไม่คุ้นไม่ชิน ก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่ดี นั่นแหละครับ ที่เรื่องเกียร์ของ MG3 ผมเองจะต้องขอลงรายละเอียดสักหน่อย ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่มันเป็นสิ่งใหม่ที่เราต้องทำความเข้าใจ เพราะวันข้างหน้า เกียร์เซเลเมติก แบบที่อยู่ใน MG3 อาจจะมาอยู่ในรถค่ายอื่นที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของก็ได้

MG3 เกียร์

2015 MG3 หน้าปัด

คุณอาจจะต้องจอดรถไว้กลางไฟแดง แล้วเรียกรถสไลด์ เพราะคิดว่ารถของคุณเสียซะแล้ว เนื่องจาก MG3 มีระบบตัดการออกตัว เมื่อคุณเหยียบเบรค จอดนิ่งนานเกิดไป รถมันจะเข้าเกียร์ N อัตโนมัติครับ

สำหรับเกียร์ เซเลเมติก ใน MG3 ที่ผมได้ลองขับ ก็อธิบายได้ว่า “จริงๆแล้ว มันไม่ใช่เกียร์อัตโนมัติ แต่มันเป็นเกียร์กึ่งอัตโนมัติ “ หลักการทำงานของมัน คือ เสมือนมีคนมาเหยียบครัทช์ให้ในเวลาเปลี่ยนเกียร์ โดยการเปลี่ยนเกียร์จะใกล้เคียงกับเกียร์ธรรมดา สามารถลากรอบได้สูงๆ แต่ระบบก็จะเปลี่ยนเกียร์ให้ เมื่อรอบสูงเกินไป จากรูปจะเห็นว่ารูปร่างหน้าตา มันทำให้เราไม่คุ้นชินแน่นอน เกียร์ว่าง (N) อยู่บนสุด จะสตาร์ทรถ คันเกียร์จะต้องอยู่ในตำแหน่ง N เท่านั้น ไม่มีปาร์คกิ้ง (P) นะครับ ถ้าผลักลงมาด้านล่างก็จะเป็น เกียร์ถอยหลัง (R) เมื่อต้องการออกตัวก็ โยกคันเกียร์มาทางซ้ายในตำแหน่งตรงกลางระหว่าง + กับ – จากนั้นก็ยกเท้าออกจากเบรค รถก็จะค่อยๆ เคลื่อนตัว เมื่อได้รอบที่จะเปลี่ยนเกียร์ ตรงนี้แหละครับ ที่มันจะแตกต่างจากเกียร์อัตโนมัติทั่วไป คือ ถ้าคุณกดคันเร่ง รถก็จะค่อยๆออกตัวแบบช้าๆ เมื่อถึงจังหวะที่รอบเครื่องมันต้องการจะเปลี่ยนเกียร์ คุณเองต้องยกคันเร่ง เหมือนเวลาคุณขับรถเกียร์ธรรมดานั่นแหละ แต่ไม่ต้องเหยียบครัทช์ ถามว่าคุณจะไม่ยกเท้าได้ไหม? ตอบว่า ก็ได้รับ รถมันก็จะเปลี่ยนเกียร์ให้ แต่มันจะมีอาการแบบกระตุกนิดๆ เหมือนเวลาคุณขับเกียร์ธรรมดาแล้วเหยียบคันเร่งไม่พอดีกับการปล่อยครัทช์

เท่านั้นยังไม่พอ ในโหมดปกติ MG3 ยังมีโหมด เปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวคุณเอง วิธีการก็คือ ให้คุณผลักคันเกียร์มาทางซ้ายมือในตำแหน่ง M/A  1 ครั้ง คันเกียร์จะดีดกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม คือ ระหว่าง + กับ – คราวนี้ก็ตามแต่ใจของคนขับ (สิ่งที่จะทำให้คุณสับสนก็คือ ขับๆ อยู่บางทีก็ลืม ว่าเกียร์มันอยู่โหมดไหน ต้องดูที่หน้าจอบอกตำแหน่งเกียร์ตรงกลางด้านล่างหน้าปัดเรือนไมล์ ถ้าอยู่ในโหมด M มันจะแสดงเฉพาะตำแหน่งเกียร์ เช่น 1-2-3  ส่วนโหมดเปลี่ยนเกียร์เอง กับ โหมดอัตโนมัติ ขับขี่ต่างกันอย่างไร อ่านต่อจากนี้ครับ ส่วนตัวผมเอง ผมไม่ฟินกับการขับในโหมดอัตโนมัติเท่าไหร่นัก เหตุผลเพราะ ในแต่ล่ะการเปลี่ยนเกียร์ มันใช้เวลาเยอะไปหน่อย และการไต่ความเร็วก็ เป็นไปแบบเรื่อยๆ จะมีอะไรให้เล่นก็ต้องยกเท่าเปลี่ยนเกียร์นี่แหละ แต่ก็ต้องรอรอบเครื่องยนต์อยู่ดี แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นโหมดแมนนวล โอ้โห้! คราวนี้สนุกเลย รอบเครื่องมาตามที่เท้าเรากด อาจจะไม่ได้เหมือนเป๊ะ กับเกียร์ธรรมดา แต่มันเห็นความต่างชัดเจนในการขับ ถ้าไม่นับช่วงลองเกียร์ ผมขับโหมดนี้เกือบตลอดทาง

อีกเรื่องที่ต้องเล่าให้ฟังกัน สำหรับระบบเกียร์ของ MG3 เวลาที่เราจอดรถ เช่นติดไฟแดง หลายคนมักจะ เหยียบเบรคค้างไว้ ถ้าคุณทำแบบนั้นกับรถ MG3 คันนี้โดยที่ยังไม่ได้อ่านบทความของเรา หรือ เซลล์ขายรถไม่เคยบอก คุณอาจจะต้องจอดรถไว้กลางไฟแดง แล้วเรียกรถสไลด์ เพราะคิดว่ารถของคุณเสียซะแล้ว เนื่องจาก MG3 มีระบบตัดการออกตัว เมื่อคุณเหยียบเบรค จอดนิ่งนานเกินไป รถมันจะเข้าเกียร์ N อัตโนมัติครับ ตรงนี้อย่าว่าแต่เจ้าของรถเลยครับ สื่อมวลชนที่ไปทดสอบวันนั้นก็เจอกับอาการติดไฟแดง แล้วพอไฟเขียว ถอนเบรคมาเหยียบคันเร่ง เกิด“อาการวืด” กดคันเร่ง แต่รถไม่วิ่ง แล้วเราต้องทำยังไง? ก่อนออกตัวให้เราดูที่ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ครับ ดูว่าไฟเปลี่ยนไปอยู่ในตำแหน่ง N หรือไม่ ถ้าเปลี่ยน เดินคันเร่งไป รถจะไม่วิ่งแน่นอน วิธีแก้ก็คือ ให้เราโยกคันเกียร์กลับมาในตำแหน่ง N แล้วโยกกลับไปในตำแหน่งเดิมอีกที เท่านี้ครับ ก็ไปต่อได้ หรือจะเอาวิธีของผมไปใช้ก็ได้ โดยการ พอถึงไฟแดงจอดรถสนิท ผมก็เข้าโยกคันเกียร์เข้าที่ตำแหน่ง N รอไว้เลย พอไฟเขียว ก็โยกกลับมา จะได้ไม่วืดครับผม

2015 MG3_

พวงมาลัย เป็นพาวเวอร์ แบบไฮดรอลิก หุ้มหนัง มีปุ่มปรับเพิ่ม-ลด เสียงมาให้ ที่ควบคุมใบปัดน้ำฝนอยู่ทางด้านขวา ด้านซ้ายเป็นควบคุมระบบเปิด-ปิดไฟ สไตล์รถยุโรป น้ำหนักพวงมาลัยของ MG3 เป็นรถ B-Secment ที่มีน้ำหนักพวงมาลัยมากกว่ารถในกลุ่มเดียวกัน จัดว่าน้องๆ รถกระบะเลยละครับ สาวๆอาจจะไม่ชอบ ถ้าใช้รถในเมือง ย่านความเร็วต่ำ ยิ่งรถติดๆในกรุงเทพ คงจะเหนื่อยกับการหมุนพวงมาลัย แต่ในย่านความเร็วสูงมันก็สร้างความมั่นใจได้ดี ส่วนความคมของการบังคับเลี้ยว ก็ไม่ได้คมกริบ แบบ มาสด้า 2 มีอาการหน่วงๆหนืดๆ อยู่บ้าง

2015 MG3 (15)

2015 MG3 ทดสอบ (2)

2015 MG3 ทดสอบ (8)

ช่วงล่างของ MG3 ต้องบอกเลยว่า เป็นสิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดในรถคันนี้ รูปร่างหน้าตามันอาจจะไม่ได้ดูเข้าตาผมมากนัก แต่ช่วงล่างมัน เยี่ยมมากๆ เมื่อเทียบในรถกลุ่มเดียวกัน (จริงๆแล้ว ผมรู้สึกว่ามันดีกว่า C-Segment บางรุ่นด้วยซ้ำ)

มาที่ช่วงล่างของ MG3 ต้องบอกเลยว่า เป็นสิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดในรถคันนี้ รูปร่างหน้าตามันอาจจะไม่ได้ดูเข้าตาผมมากนัก แต่ช่วงล่างมัน เยี่ยมมากๆ เมื่อเทียบในรถกลุ่มเดียวกัน (จริงๆแล้ว ผมรู้สึกว่ามันดีกว่า C-Segment บางรุ่นด้วยซ้ำ) ขอเล่าแบบแยกให้ได้อ่านกันตามสภาพพื้นถนนแล้วกันครับ ผมได้ขับทั้งพื้นถนนลาดยางแบบใช้ความเร็ว ตรงนี้ต้องบอกว่า MG3 ทำได้ดี ตัวรถนิ่งพอสมควร แม้จะลองใช้ความเร็วสูงถึง 150 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง รถก็ยังสร้างความมั่นใจให้ผมได้ดี

เมื่อลงจากทางด่วนมอเตอร์เวย์ ก็เจอกับถนนคอนกรีต ช่วงล่างของ MG3 ก็ยังทำได้ดีเช่นเดิม และรวมทั้งเสียงยาง ก็น้อยนิด แต่สิ่งที่ได้ยินตั้งแต่ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงคือ เสียงลมที่เล็ดรอดเข้ามาจากขอบประตู มีตลอด แต่ที่น่าแปลกใจ ก็คือ ไม่ว่าผมจะขับที่ความเร็ว 60 หรือ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงลมก็ไม่ได้ดังต่างกันเท่าไหร่

ระหว่างทางเข้ามาสนามแข่งรถ เป็นถนนเลนสวน เส้นทางไม่ได้ราบเรียบ บางช่วงเจอหลุมเจอบ่อ ขรุขระ ผมเองก็รอทดสอบช่วงล่างกับทางแบบนี้อยู่เหมือนกัน ปรากฎว่า สบายๆ มันนุ่มครับ ตอนที่ขับบนถนนลาดยาง ผมรู้สึกว่ามันนุ่มก็จริง ผ่านคอสะผ่านก็ยังเอาอยู่ มีอาการโยกโยนไม่มาก ก็เลยสงสัยว่า ถ้ามาเจอทางขรุขระ มันจะยังทำได้ดีอยู่ไหม พอมาเจอเส้นทางตรงนี้มันก็ตอบคำถามผมได้ทันที ว่า MG3 มันนุ่ม และมันก็ซับแรงได้ดี อาการกระเด้งกระดอนก็น้อย ทั้งๆที่เป็นรถเล็ก ถือว่าช่วงล่างดีในระดับต้นๆ ของคลาสนี้เลยครับ

2015 MG3 (16)

2015 MG3 (17)

เมื่อขับถึงด่านทดสอบ เอ็มจีจัดด่านทดสอบไว้ให้พวกเรา โดยเน้นไปที่การทดสอบช่วงล่าง ระบบเบรค และการหักเลี้ยวในที่แคบ พูดกันที่เรื่องเบรคก่อน เบรคก็เป็น ABS EBD โดยลองวิ่งทางตรงความเร็ว แตะขึ้นไปประมาณ 60-70 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง แล้วกระทืบเบรคกระทันหัน เมื่อถึงจุดเบรค ตัวรถใช้ระยะในการหยุดสนิทไม่เยอะมากครับ จุดนี้ ถือว่าน่าพอใจ ส่วนน้ำหนักของแป้นเบรค อันนี้ผมว่ามันสู้เท้ามากไปครับ ได้ลองตั้งแต่ขับออกมาจากกรุงเทพ เราต้องกะระยะ อย่าให้กระชั้นชิดรถคันหน้าเกินไป เพราะแป้นเบรคค่อนข้างหนืด และต้องออกแรงกดอยู่พอสมควร เป็นอีกจุดที่ควรแก้ไข

พอมาถึงจุดที่ต้องทดสอบการบังคับเลี้ยว และช่วงล่าง เรื่องช่วงล่างต้องยกนิ้วให้จริงๆ ทั้งทางเรียบ ทางขรุขระ จนมาถึงด่านทดสอบ ช่วงล่างเอาอยู่ครับ แต่ที่ต้องติเลย ก็เป็นเรื่องของพวกมาลัยนั่นแหละ ถ้าพวงมาลัยคมกว่านี้ มันจะสมบูรณ์แบบมากมาก ส่วนเรื่องอัตราการกินน้ำมันเชื้อเพลิง ผมต้องขออภัย เพราะไม่ได้ ทดสอบมาเป็นตัวเลขเป๊ะๆ แต่ 1 ถัง วิ่งไปถึงสนามหนองค้อ ศรีราชา ไปกลับ กรุงเทพ ระยะทางก็ประมาณ 248 กิโลเมตร ขับกลับมา ก็เหลือน้ำมันอยู่ แต่ไม่มากนัก เมื่อดูจากมาตรวัด ยังไงขอติดเรื่องนี้ ไว้ก่อนครับ

2015 MG3 ทดสอบ (3)

สรุปภาพรวม ของรถเล็ก จากค่ายน้องใหม่ในไทย อย่าง MG3 ผมต้องขอให้นิยามมันว่า เป็น ซิตี้คาร์เครื่อง 1.5 แต่ราคา อีโค่ บุคลิคของรถดูน่าจะโดนใจสาวๆ ได้ไม่ยาก แต่การขับขี่และระบบเกียร์ ดูจะเหมาะกับคุณผู้ชายซะมากกว่า เรื่องการใช้เกียร์ถ้าชอบตัวรถจริงๆ ต้องไปเรียนรู้สักนิด แต่ไม่ยากครับ เราคนไทยอาจจะไม่คุ้นชิน อะไรที่เป็นของใหม่ จะไปบอกว่ามันไม่ดี ก็ไม่ได้ครับ โหมดเปลี่ยนเกียร์เอง ยอมรับเลยว่า สนุกมากกับการขับ MG3 ช่วงล่างที่บอกเลยว่าดีจริงๆ แต่ต้องย้ำว่าในรถระดับเดียวกันนะครับ ถือว่า”โดน” มาพลาดไปนิดเดียว ตรงการเซ็ตพวงมาลัย กับน้ำหนักของแป้นเบรคครับ และด้วยความเป็นแบรนด์ใหม่ เอ็มจีเอง ก็ต้องรีบเพิ่มศูนย์บริการทั่วประเทศให้เร็วยิ่งขึ้น

MG3 เป็นรถเล็กที่คุ้มค่ามากๆคันหนึ่ง เมื่อเที่ยบเรื่องราคา กับอ๊อฟชั่นระบบความปลอดภัย ยิ่งคนที่ชอบความแปลกในเรื่องรูปร่างหน้าตา ที่ใช้สีสันสดใส เป็นรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ในตัวของมัน อุปกรณ์ภายในใช้งานง่าย และการขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร

2015 MG3 ทดสอบ (12)

2015 MG3 ทดสอบ (13)

2015 MG3 (4)

2015 MG3 ทดสอบ (11)

2015 MG3 ทดสอบ (10)

2015 MG3 ทดสอบ (5)

2015 MG3 ทดสอบ (1)

2015 MG3 (1)

2015 MG3 (2)

2015 MG3 (1)

2015 MG3 (20)

2015 MG3 ทดสอบ _ (1)

2015 MG3 ทดสอบ _ (3)

2015 MG3 ทดสอบ _ (2)

2015 MG3 ทดสอบ _ (5)

2015 MG3 (5)

2015 MG3 (8)