วันนี้ขออนุญาตท่านที่ยังพอมีสติ ช่วยหยุดส่งต่อหรือแชร์บทความเรื่อง “สัญญาณฟองสบู่มาแล้ว!!! นี่คือการทำเพื่อให้บริษัทอยู่รอดของกลุ่มธุรกิจต่างๆ” ผู้คนก็พากันตกใจ แชร์ไปทั้ง Line และ Facebook เดิมก็คิดจะเฉยๆ แต่ผ่านไปหลายเดือน ยังมีคนแชร์มาอีก จะเอาให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกระเทือนให้จงได้
เศรษฐกิจไม่ดีจริงครับ เพราะหนี้ครัวเรือนพัวพัน จากการกระตุ้นให้ใช้จ่ายและก่อหนี้สินบุคคล โดยเฉพาะหนี้บัตรเงินสดและหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หลายคนเป็นหนี้บัตรหลายใบ กำลังซื้อหายไป ยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยก็ตก แต่ไม่ถึงกับฟองสบู่แตกนะครับ ไม่ถึงกับย้ายฐานการผลิต เดี๋ยวบุคคลปลดหนี้ได้ก็ช้อปกันต่อครับ เป็นวัฏจักรชีวิต
ประเทศไทยยืนอยู่แถวหน้าในเรื่องฐานการผลิตรถยนต์โลก เพราะภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจในประเทศดีกว่าเพื่อนบ้านหลายประเทศ ค่ายรถไหนที่เลย์ออฟคน หรือจะไปไม่รอด ก็ด้วย Product ที่ไร้คุณภาพและไม่ตรงกับความต้องการ แต่ค่ายใหญ่ก็เปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งรุ่นขายในประเทศและส่งออกอยู่ตลอด โดยเฉพาะปีนี้ รถจะออกมาเยอะเลยเพราะปีหน้า 2559 โครงสร้างภาษีใหม่จะมา รถหลายรุ่นจะขึ้นราคา ยอดขายจะกระหน่ำเลยปีนี้
มาไล่ดูภูมิศาสตร์พื้นฐาน ที่ชี้ให้เห็นความได้เปรียบของไทยกับเพื่อนบ้านในเรื่องการเป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ข้อความแชร์ใน Line และ Facebook กระหน่ำว่าไทยเราแย่แล้ว คือเรื่องรัดเข็มขัดนั้นดีอยู่ แต่เต้าข่าวแบบไม่มีที่มาและสร้างความหวาดกลัวให้สังคมนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำสำหรับผู้ที่มีปัญญา
ฟิลิปปินส์ ปีหนึ่งมีมรสุมกว่า 100 ลูก หนักๆทั้งนั้น ฝนตกหนัก น้ำท่วมทั้งปี หยุดงานเป็นว่าเล่น สภาพทางธรณีวิทยาที่อยู่ใกล้วงแหวนแห่งไฟ ทำให้มีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ 22 ลูก
การคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ มีปัญหาตลอด แม้บุคคลากรจะเชี่ยวชาญการใช้ภาษาอังกฤษ เพราะเป็นภาษาราชการ และเป็นฐานที่มั่นทางการทหารนอกสหรัฐอเมริกาที่สำคัญ ยอดขายรถในประเทศ (Domestic Sale) ปีหนึ่งยังห่างไทยอยู่เป็นสิบเท่า เรื่องการส่งออกก็ยากลำบาก ขนาดโรงงาน AAT ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างฟอร์ด-มาสด้า ยังเลิก แบรนด์อเมริกันแท้ๆ ยังอยู่ไม่ไหว นอกจากนี้ ต้นทุนการทำธุรกิจก็สูง ถ้าส่งผู้บริหารไปประจำก็ต้องมีบอดี้การ์ดที่พกปืนคอยดูแลผู้บริหารและครอบครัว เพราะยังมีการลักพาตัวและปัญหากับกลุ่มผู้ก่อการร้าย
เวียดนาม นักธุรกิจและนักวิชาการที่ชอบคิดลบกับประเทศตัวเอง ก็พูดผ่านสื่อมานับสิบปีว่า เวียดนามจะแซงไทยๆๆๆ แซงหรือยังครับวันนี้ มีใครย้ายฐานไปจริงจังบ้างในส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ มีแต่จ้องจะส่งสินค้ารถจักรยานยนต์ไปขายที่เวียดนาม
อุปสรรคสำคัญก็คือสภาพอากาศ มรสุมเยอะน้องๆ เวียดนาม เพราะเป็นด่านหน้าในการรับมรสุมที่มาจากทะเลจีนใต้ และหลายๆลูกก็โดนต่อจากฟิลิปปินส์ที่วิ่งจากแปซิฟิกขึ้นไป โครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบกและทางน้ำก็ยังไม่แข็งแรง กำลังซื้อในประเทศก็ยังไม่ดี คนส่วนใหญ่ยังใช้แต่รถจักรยานยนต์
อินโดนิเซีย ก็มีฐานการผลิตที่เชื่อมโยงกับไทยอยู่แล้ว ทางบริษัทแม่ก็แบ่งการลงทุนมาให้อย่างเหมาะสม วางให้เป็นฐานผลิตรถเอนกประสงค์ มีโรงงานแบรนด์ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และอเมริกัน สามารถส่งรถขายไร้กำแพงภาษีในอาเซียน แต่กำลังการผลิตเกือบทั้งหมดแค่จำหน่ายในประเทศก็ยังไม่พอ
และด้วยภูมิประเทศที่เป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่ คนต้องสัญจรข้ามไปมาอยู่ตลอดด้วยเรือเฟอรี่ รถจักรยานยนต์สไตล์ Kawasaki GTO หรือรถส่งแก็ส จะได้รับความนิยมกันมาก ต้องเป็นทรงสูง ลุยได้ แต่ไม่ถึงกับเอ็นดูโร่ และความเข้มงวดทางด้านศาสนา ยังกำหนดพฤติกรรมการบริโภค การจะทำการตลาดรถยนต์นั่งที่ต้อใช้การตลาดนำยังทำได้ยาก ฐานการวิจัยและพัฒนาก็มีไม่กี่ค่าย นอกจากนี้บรรยากาศการลงทุนก็ไม่ดี ไปเดินห้างก็จะเห็นตำรวจถือปืนติดแมกกาซีนเดินอยู่ตามที่ต่างๆ ท่านว่าความปลอดภัยเป็นอย่างไร โดยรวมยังถือว่าดี มีศักยภาพ แต่ไม่ถึงกับดึงการลงทุนทั้งหมดไปลงได้
ลาวก็ถูกโยงมาว่า จะมาแซะไทยในเรื่องอุตสาหกรรม ใครเคยไปก็คงรู้ว่ายาก เพราะไลฟ์สไตล์ยังห่างไกลกับการเป็นประเทศอุตสาหกรรมมาก ซึ่งตัวผู้เขียนชอบมากนะ มีทางหลวงเส้นเดียวพาดผ่านกลางประเทศจากเหนือสู่ใต้ ฟุธปาธไม่มี ทุกอย่างอยู่บนถนนเส้นนี้ ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน เดินเท้า ปศุสัตว์ ฯลฯ และการบริโภคยังต่ำ ซึ่งเป็นแง่ดีในเรื่องการปกครองของอำนาจรัฐส่วนกลาง คุณไม่ต้องดิ้นรนทำงานก็ไม่อดตาย เดินออกจากบ้านเลี้ยวเข้าป่าก็หาผัก ปลา หรือของป่ามาประกอบอาหารได้ เที่ยงทานข้าวเสร็จก็นอนกลางวัน นักท่องเที่ยวเดินตลาดจะตกใจที่พ่อค้า-แม่ค้าปิดประตูใส่เพื่อเข้านอนตอนบ่าย
พม่าก็ยิ่งห่างไกลไทยมากนัก ไปทางไหนก็เห็นแต่ทหารถือปืนยาว สไตล์ประเทศทหารปกครองยาวนาน รถยนต์ในประเทศเป็นพวงมาลัยขวาเสียส่วนใหญ่ แต่รัฐบาลทหารก็ให้ขับรถเลนขวาอย่างกับประเทศที่ใช้พวงมาลัยซ้าย เพียงเพราะไม่อยากเหมือนหรือมีร่องรอยเดิมของเจ้าอาณานิคมเดิมอย่างอังกฤษ ปัญหาสิทธิมนุษยชนก็รุนแรงรอวันระเบิด ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังมีความเชื่อเรื่องพิธีกรรมมากมายซึ่งหลายๆเรื่องก็ขัดกับการพัฒนาทางการศึกษา จะดีหน่อยก็เรื่องค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่าไทย3-4เท่า และความอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ สายแร่ และน้ำมัน ทั้งทางบกและทะเล ที่ชาติตะวันตกจ้องตาเป็นมัน รัฐบาลจึงไม่ค่อยไว้ใจใครเวลาที่เข้าไปเสนอการลงทุนต่างๆ อ้อ พายุไซโคลนจากมหาสมุทรอินเดียก็น่ากลัวเช่นกัน
มาเลเซีย ที่ดูจะเป็นคู่แข่งได้ เพราะพื้นฐานการศึกษาดี ก็แซงไทยไม่ได้สักที ถ้าแซงได้คงไปนานแล้ว จากที่เคยกลัวเพราะมาเลเซียคิดทำแบรนด์รถยนต์แห่งชาติอย่างโปรตอน (Proton) แต่ก็อย่างที่เห็น เป็นภาระขาดทุนให้กับรัฐบาล แถมยังบอนไซการลงทุนจากค่ายรถยนต์อื่นด้วย เพราะกำแพงภาษีสรรพสามิตในประเทศยังสูงอยู่ คือถ้าใช้รถแบรนด์ต่างชาติ ก็จะแพงกว่าโปรตอนหลายริงกิตและยังดูทำตัวไฮโซไม่รักชาติเพื่อนบ้านเขม่น การแข่งขันของค่ายรถก็ไม่เต็มที่ โปรตอนก็ต้องดิ้นรนรับจ้างประกอบรถแบรนด์จีนบ้างและหาทางส่งออกเพื่อรักษายอดการผลิตและการจ้างงาน
สิงคโปร์ ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีที่ตั้งโรงงานและยอดขายในประเทศก็น้อยมาก แล้วคนของเค้าก็คงไม่อยากมายืนไลน์ประกอบรถยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ให้เมื่อยเหมือนเรา
กลับมาที่เมืองไทย ผู้ผ่านวิกฤตต้อมยำกุ้งปี 2540 และวิฤตซับไพร์มปี 2553 หนักสุดๆ ไทยยังผ่านมาได้ ค่ายรถยังไม่มีใครไปไหน มีแต่ขอบัตรส่งเสริมการลงทุนและเดินทางกันเข้ามาใช้เป็นศูนย์กลางเพื่อทำการตลอดในภูมิภาคอาเซียนที่ไม่มีกำแพงภาษี
ถอยกลับมามองครับ ที่เราแชร์ข่าวลบที่ไม่มีมูลกันอยู่เนี่ย ให้คุณเลือกเลยครับ ในอาเซียนให้รวมไปถึงเอเชียใต้เลยครับ คุณอยากอยู่ประเทศไทย อยากเดินไปสมัครงานกับบริษัทหรือแบรนด์ต่างๆในสำนักงานประเทศใด คุณก็อยากอยู่กันแต่ประเทศไทยทั้งนั้น มีทุกอย่างอาหารอร่อย ผลไม้ ทะเล ภูเขา อยากทำอะไรก็ทำได้ คนไทยหยวนๆเป็นมิตร ประเทศอื่นๆไม่มีนะครับ
ในส่วนแบรนด์รถญี่ปุ่น ที่เป็นฟากที่มียอดขายสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ เวลาที่วิศวกรจากบริษัทแม่ จะเลือกมาทำงานที่ R&D Center ในภูมิภาคนี้ ทราบหรือไม่ครับว่า คนญี่ปุ่นเหล่านั้นแย่งกันมาประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง ชนชั้นหัวกะทิทั้งนั้นที่ได้มา รองมาก็เป็นอินโดนิเซีย และอันดับสามคืออินเดีย
วิศวกรจากบริษัทแม่ จะเลือกมาทำงานที่ R&D Center ในภูมิภาคนี้ คนญี่ปุ่นเหล่านั้นแย่งกันมาประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง รองมาเป็นอินโดนิเซีย และอินเดีย
ไปเดินห้างเอ็มโพเรียม เมกาบางนา ก็มีแต่ครอบครัวคนญี่ปุ่นทั้งนั้น คนญี่ปุ่นเค้าอยากมาอยู่เมืองไทยกันทั้งนั้น ท่านคิดหรือว่าเค้าจะถอดน็อตเครื่องจักรลงเรือไปประเทศอื่นที่ใช้ชีวิตยากลำบากกันครับ
อุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นมาลงทุนในไทยกว่า 40 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตก็ยาวนาน คนไทยก็ชื่นชอบรถญี่ปุ่น ชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่น บินไปเที่ยวกันบ่อยกว่าไปทะเลใต้เสียอีก
อย่าเสี้ยมกันเลยครับ เศรษฐกิจไม่ดีนั้นทุกคนรู้กันอยู่ และต้องดูแลตัวเอง ส่วนการตกงานหรือปิดกิจการ มันมีหลายเหตุผล แบรนด์ไทยเองเจ็งก็มากถ้าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน แบรนด์รถยนต์ก็มีสิทธิเจ๊ง แต่ก็มีค่ายที่เติบโต มันเป็นวิถีในการบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมซึ่งธรรมดามาก ก็ท่านไม่ช่วยกันซื้อทุกแบรนด์ มันก็ต้องมีแบรนด์เลิก
สรุปก็คือ ก่อนจะแชร์อะไร ใจเย็นๆ เศรษฐกิจพังไปก็สาแก่ใจคนไม่กี่คนหรอกครับ ที่สุดแล้วมันก็ย้อนกลับมาที่ตัวท่านเอง อย่าสร้างความหวาดกลัวให้สังคมกับข่าวที่ไม่เป็นความจริง